พ.ร.บ.เก็บภาษีผู้ค้าออนไลน์
คือกฎหมายใหม่ที่พ่อค้าแม่ขายสินค้าออนไลน์ทั้งในสถานะบุคคลและนิติบุคคลต้องรู้
เพราะจะเริ่มใช้ปี 2563 นี้
ผู้ที่เข้าข่ายจะถูกสถาบันการเงินทุกประเภทต้องส่งข้อมูลบัญชีธุรกิจให้กรมสรรพากร
คือ ผู้ที่ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชี ตั้งแต่ 3,000 ครั้งต่อปี
หรือฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้ง และมียอดเงินรวมกันตั้งแต่
2ล้านบาทขึ้นไป ต่อปี
การขายของออนไลน์ก็กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้งามๆ
ให้ใครหลายคน แล้ว ไม่ว่าจะวัยไหน ทำงานประจำ หรือไม่ประจำ ร้านไหนไอเดียดี
เซอร์วิสดี ส่งของทันใจ ไม่ตอบลูกค้าช้า ไม่เหวี่ยงยิ่งได้ใจนักช้อปที่ไม่มีเวลาออกไปซื้อของ
ยอดสั่งซื้อเข้ามาไม่ขาดสายไหลมาอย่างสายน้ำ
จนรายได้บางคนอาจทะลุไปจนถึงจุดที่ต้องเสียภาษีนั่นเอง
ดังนั้น
ความสำคัญจึงอยู่ที่สถาบันทางการเงินเปิดเผยข้อมูลบัญชีที่มีความเคลื่อนไหวเข้าข่ายต้องเสียภาษี” เพื่อรองรับระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ
โดยดูที่ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชี
ตั้งแต่ 3,000 ครั้งต่อปี ไม่ว่าจะรับครั้งละกี่บาทก็ตาม ถ้าถึง 3,000
ครั้งถือว่าเข้าข่าย หรือมียอดฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกัน ตั้งแต่ 400 ครั้ง
และมียอดเงินรวมกันตั้งแต่ 2ล้านบาทขึ้นไปต่อปี
ซึ่งต้องเข้าเงื่อนไขทั้งจำนวนครั้ง และจำนวนมูลค่าของเงินที่รับฝากหรือโอน โดยสถาบันการเงินและผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์จะส่งบัญชีที่มีธุรกรรมตามเงื่อนไขข้างต้นของแต่ละธนาคารนั้นๆ
ตลอดปีให้กับกรมสรรพากร (ไม่ได้รวมทุกธนาคาร) ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี
และจะเริ่มรายงานครั้งแรกภายใน 31 มีนาคม 2563 นี้
ดังนั้น
ใครก็ตามที่ไม่เคยเสียภาษีอะไรใดๆ
หรือไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงก็ควรเตรียมตัวตั้งต้นกันใหม่เสียแต่เนิ่นๆ ทำบัญชีรายรับ
รายจ่ายไว้ไม่เสียหาย เก็บหลักฐานทุกเม็ด และศึกษาเรื่องเกี่ยวกับภาษีให้ดีๆ
หน้าที่การเสียภาษีเป็นของคนไทยทุกคน
จะขายของออนไลน์ ออฟไลน์ มีหน้าร้านหรือไม่มีหน้าร้าน หากเป็นการทำธุรกิจแล้ว
จำเป็นต้องเสียภาษี มิเช่นนั่นก็ถือว่าเป็นการทำร้ายประเทศไทยได้นะตัวเอง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1222 วันที่ 22 มีนาคม 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น