วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2562

จากใบชามาเป็นเมี่ยง เศรษฐกิจพอดีเป็นยอดดอย

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

เมื่อพูดถึง “ชาใครๆก็รู้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของคนไทยและอีกหลายชาติแถบเอเชีย และชา ก็มีหลายชนิดที่สร้างเม็ดเงินกลับคืนสู่เกษตรกรและชุมชนนั้น ชาป่า หรือชาเมี่ยง” (เหมี้ยง) เป็นพืชท้องถิ่นของชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง ดินแดนที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลราว 1000-1100 เมตร เขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน  จ.ลำปาง และชาวบ้านที่นี่มีอาชีพเก็บใบชาป่ามาทำเมี่ยง ซึ่งเป็นของว่าง ทำจากใบชานึ่ง และหมัก นาน  1-4สัปดาห์ รสชาติเหมือนใบชาหมักดอง ช่วยให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย ด้วยฤทธิ์ของใบชา คนในภาคเหนือนิยมทานเป็นของว่างในงานบุญ และคนเฒ่าคนแก่มักชื่นชอบ การ “อมเมี่ยง” คล้ายกับการเคี้ยวหมาก

ว่ากันว่าอาชีพการทำเมี่ยงที่นี่สืบทอดกันมายาวนานหลายชั่วอายุคนมาจนถึงปัจจุบัน กลายเป็นอาชีพที่ทำรายได้แก่ทุกครัวเรือน  จากเดิมที่เป็นเพียงชาป่า พัฒนามาเป็นพืชไร่ ตามใต้ต้นไม้ใหญ่ หุบเขารอบหมู่บ้าน พื้นที่ปลูกรวมแล้วหลายพันไร่

บุญทรัพย์ กำบังกล้า เจ้าของโรงงานทำเมี่ยง วัย 64 ปี เล่าว่า อยู่กับอุตสาหกรรมทำเมี่ยงมาตั้งแต่เด็ก ที่นี่เป็นโรงหมักเมี่ยงที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุนปู่ย่า ตนเองถือเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว แต่ก่อนมีหลายโรงงาน แต่ที่นี่ยืนหยัดมั่นคงมาและเหลืออยู่เพียง 1 เดียวเท่านั้น ปัจจุบันผลิตขายส่งให้กับร้านค้าในตลาด ตัวเมืองลำปาง พะเยา เชียงราย อุตรดิตถ์ เดือนละหลายร้อยแข่ง

ชาวบ้านจะเก็บยอดใบชาสดมัดเป็นกำขายส่งให้กับโรงหมักเมี่ยง รายได้โดยเฉลี่ยต่อคนวันละ ไม่ต่ำกว่า 300-500 บาท จากนั้นโรงหมักจะนำใบชาสดที่ได้มานึ่งในถังนึ่งก่อนนำบรรจุเรียงในถังหมัก ลักษณะเป็นท่อซีเมนต์ บุรอบได้ด้วยพลาสติกเพื่อสุขอนามัย หมักอย่างน้อย 7วัน แล้วแต่ความต้องการรสชาติเมี่ยง หากใช้เวลาน้อยเมี่ยงจะมีรสฝาด หมักนานขึ้นจะมีรส ฝาดน้อยลง และมีรสเปรี้ยว

“เมี่ยงที่เราผลิตจะเป็นเมี่ยงหมักที่ ขายส่งยกเข่ง ให้กับร้านค้า ส่งจะไม่แยกรสชาติหลายชนิดมากนัก มีเพียงเมี่ยงฝาด หรือเมี่ยงที่มีรสเปรี้ยวตามอายุการหมัก แต่ร้านค้าจะนำไปแปรรูป เช่น หมักกับน้ำกระเทียมดอง น้ำมะพร้าว ใส่ขิงสดซอย กลายเป็นเมี่ยงที่มีรสชาติแตกต่างกันออกไปสำหรับการขายปลีก ส่วนการส่งสินค้าจะมีทั้งลูกค้าที่เป็นร้านขายส่ง และร้านค้าย่อยในตลาด ใหญ่บางแห่ง ปัจจุบันอุตสาหกรรมเมี่ยง เหลือน้อยมาก ในภาคเหนือ มีที่ลำปาง น่าน เชียงใหม่”

ชาวบ้านป่าเหมี้ยง พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมี่ยงเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนเล็กๆแต่สร้างรายได้หมุนเวียนในหมู่บ้านทุกหลังคาเรือน ทุกบ้านส่งลูกหลานเรียนจากการเก็บใบเมี่ยงขาย เด็กๆมีรายได้ตอนปิดเทอมวันละหลักร้อยบาท และกิจกรรมการเก็บเมี่ยงยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความรักและผูกพันกันในครอบครัว และเมี่ยงเป็นเกษตรกรรมที่เอื้อต่อการอนุรักธรรมชาติ โดยชาวบ้านที่นี่ล้วนแต่เป็นเกษตรกร ปลูกชาเมี่ยง และกาแฟไปพร้อมๆกัน  การเก็บเกี่ยวเมี่ยงจะพอดีกับฤดูเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว รายได้จากเมี่ยง นั้นสามารถเก็บเกี่ยวได้ปีละ4ครั้ง คือ รุ่นที่ 1  เก็บเกี่ยวปลายพฤษภาคมถึงต้นมิถุนายน  รุ่นที่ 2  เก็บเกี่ยว เดือนกรกฎาคม รุ่นที่ 3 เก็บเกี่ยวปลายสิงหาคมถึงต้นกันยายน และรุ่นที่ 4  เก็บเกี่ยวเดือนพฤศจิกายน


ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 9001,500  กิโลกรัม/ไร่ (ใบเมี่ยงสด) ราคาผลผลิตใบเมี่ยงสดจะขายกิโลกรัมละ 10 บาท เมี่ยงที่นึ่งแล้วกิโลกรัมละ 13 บาท

เมี่ยงจึงเป็นพืชเกษตรเศรษฐกิจสำคัญ ที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน ปัจจุบันมีการส่งเสริมให้ชาวบ้านเก็บชาใบแก่ที่เหลือจากการเก็บยอดส่งโรงงานเมี่ยง มาทำหมอนใบชา และกำลังหาทางส่งเสริมการแปรรูปใบชาป่าให้เกิดมูลค่าเพิ่มให้มากที่สุด ขณะที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนป่าเหมี้ยงก็กำลังริเริ่มศึกษา การทำชาบดสำเร็จรูป เพื่อใช้ในการชงชาเย็น

การปลูกชาเมี่ยง ดูเหมือนเป็นเกษตรที่เรียบง่ายและเป็นวิถีพอเพียงชาวบ้านเรียนรู้อยู่กับการหากินบนความเรียบง่าย มีรายได้พอเพียง และเรียนรู้ที่จะดูแลรักษาเพื่อเพิ่มผลผลิต สร้างมูลค่าเพิ่ม มากกว่าการขยายพื้นที่ปลูกแต่ดูแลไม่ทั่วถึง เม็ดเงินทางเศรษฐกิจที่ไหลเข้ามาผ่านใบชาเมี่ยง จึงเป็นเพียงตัวแปรของการอยู่รอดที่พอดีในชุมชนพื้นที่สูง มากกว่าการมุ่งหวังฐานะที่ร่ำรวย ป่าเหมี้ยงจึงเป็นแหล่งผลิตเมี่ยงที่มีความมั่นคงยืนยาวไปอีกนาน

ติดต่อชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง โทร. 08-4894-9122,08-9560-6820

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลำปาง โทร. 054-222-214

หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1223 วันที่ 29 มีนาคม - 4 เมษายน 2562
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์