วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2562

'เถิน' ร้อนติดอันดับโลก เมืองระอุ 10 วัน กระทบรถม้า

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

เถิน-ลำปาง ร้อนทะลุโลก ติด 15 อันดับเมืองร้อนที่สุดในโลก  เถินพุ่ง 44.3 องศา ขณะที่ลำปางร้อนติดต่อกัน 10 วัน  รถม้ากระทบ นักท่องเที่ยวลดฮวบ  ด้าน สสจ.เตือนกลุ่มผู้มีโรคประจำตัวเฝ้าระวัง  

จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในพื้นที่ จ.ลำปาง ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย.62 ที่ผ่านมา อุณหภูมิในพื้นที่ได้แตะอยู่ที่ 38-39 องศาเซลเซียส จนกระทั่งทะลุ 40 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 8 เม.ย.62 และยิงยาวมาจนถึงวันที่ 23  เม.ย.62 รวม 16 วันแล้ว  

ข้อมูลจากเว็บไซด์ www.eldoradoweather.com  ซึ่งได้รวบรวบสถิติเมืองที่ร้อนที่สุดในโลก 15 อันดับ ซึ่งวันที่ 18 เม.ย. 62 อ.เถิน ได้มีอุณหภูมิสูงสุดอันดับ 1  อยู่ที่ 44.2 องศาเซลเซียส  ส่วน อ.เมืองลำปาง อยู่อันดับที่ 7 อุณหภูมิ 42.7 องศาเซลเซียส  หลังจากนั้น อ.เถิน ได้ลงไปอยู่อันดับ 3 และ อ.เมืองลำปาง ได้ลงไปอยู่อันดับที่ 12 แต่ยังคงติดอยู่ใน 15 อันดับของโลกนานหลายวัน

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับสถิติเมื่อเดือน เม.ย.ของปี 2558 มีจำนวนวันที่อุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียสอยู่เพียง 5 วัน  และสูงสุดอยู่ที่ 41.3 องศาเซลเซียสในวันที่ 21 เม.ย.58  ส่วนช่วงเดือน เม.ย.59  พบจำนวนวันที่มีอุณหภูมิเกิน 40 องศาเซลเซียสติดต่อกันแล้วกว่า 20 วัน โดยเฉพาะที่ อ.เถิน มากถึง 20 วัน  อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 43.8 องศาเซลเซียส ในวันที่ 11 เม.ย.59 และที่ อ.เมืองลำปาง  19  วัน  อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 43.5 องศาเซลเซียสในวันที่ 15 เม.ย.59  

สำหรับอากาศร้อนจัดนี้ ทำให้ได้รับผลกระทบทั้งคนและสัตว์ โดยเฉพาะ จ.ลำปาง มีผู้ประกอบการรถม้าที่คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก  ซึ่งส่วนใหญ่รถม้านำเที่ยว จะจอดอยู่ข้างถนน ตากแดด ตากลม ตากฝน เพื่อที่จะรับบริการนักท่องเที่ยว เพื่อนั่งรถม้าชมเมือง   ในเรื่องนี้เอง ทางสารถีรถม้า ที่ ให้บริการอยู่บริเวณสถานีรถม้าข้างวัดป่าดั๊วะ  หรือใกล้ที่ว่าการอำเภอเมืองลำปาง ต.หัวเวียง อ.เมืองลำปาง เปิดเผยว่า ในช่วงนี้สภาพอากาศร้อน นักท่องเที่ยวหรือประชาชนทั่วไป ไม่ค่อยมาใช้บริการนั่งรถม้าเที่ยวรอบเมืองลำปาง ทำให้ผู้ประกอบการรถม้านำเที่ยวขาดรายได้ไปเช่นกัน โดยในแต่ละวันจะมีคิวรถม้า มาจอดเข้าคิวประมาณ 10 คิว บางวันมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ 3 คิว ทำให้ที่เหลือต้องขาดแคลนรายได้ ในส่วนที่ดีคือ ม้าก็ได้พักผ่อนเป็นเวลานาน  เพราะสภาพอากาศที่ร้อน ม้าก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน คือ หากวิ่งได้ 1 เที่ยว ม้าก็จะมีสภาพหอบ หายใจเร็ว ทำให้ต้องนำม้า มาจอดในที่ร่ม จนผ่อนคลายก่อนที่จะให้น้ำดื่ม และหญ้ากิน และพักผ่อนจนกว่าม้าจะหายเหนื่อย ถึงจะให้วิ่งบริการรอบต่อไปได้  ส่วนการดูแลสุขภาพม้า จะนำม้ามาผูกมัดในที่ร่ม มีน้ำดื่ม มีหญ้ากิน มีอาหารเสริม ม้าจะยืนอยู่ได้ทั้งวัน และวันไหนสภาพอากาศร้อนจัด ก็จะอาบน้ำให้ม้าเพื่อชะล้างแมลงที่มากัดกินเลือดและให้ม้าได้สดชื่น แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูตามสภาพอากาศและสุขภาพม้าอีกครั้งหนึ่ง

เช่นเดียวกันกับ จุดจอดรถม้าให้บริการนักท่องเที่ยว หน้าโรงแรมลำปางเวียงทอง ถนนดวงรัตน์ ต.สวนดอก อ.เมืองลำปาง  ซึ่งจุดนี้จะมีปัญหามากกว่าคือ ไม่มีร่มไม้ให้ความร่วมเย็นมากนัก อีกทั้งอยู่หน้าห้างร้าน  ทำให้ม้าต้องยืนตากแดดบ้างในบางจุด  โดย นายเสาร์แก้ว วังกาวี สารถีรถม้า กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่สารถี รถม้าจะเอาม้าและรถม้ามาจอด เพื่อรอบริหารนักท่องเที่ยวแห่งนี้ เพราะสถานีรถม้าไม่มีให้จอด และจุดจอดแห่งนี้ ก็มีรถม้ามาให้บริการจำนวนมาก จึงอาจจะให้หลายๆคนที่ผ่านมาและพบว่ามีรถม้าจอดตากแดด จึงเกิดความสงสาร ตนเองในฐานะคนเลี้ยงม้าและ มีอาชีพสารถีรถม้า ยืนยันว่าม้าที่มาให้บริการเป็นม้าที่มีสุขภาพแข็งแรง มีเชื้อสายพันธุ์ที่ทนทุกสภาพอากาศจากมองโกเลีย แม้จะดูว่าตัวเล็กแต่มีความแข็งแรงมาก  แต่ทั้งนี้จากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว กลุ่มผู้ประกอบการรถม้าก็ไม่ละทิ้งม้าแต่อย่างใด จะคอยดูแลหาน้ำดื่ม อาหารเสริม หญ้า มาให้ม้ากินตลอด  จุดไหนที่มีร่วมไม้ก็จะนำม้าไปผูกเลี้ยงไว้ เพื่อรอให้บริการนักท่องเที่ยว และหากวันไหนยังไม่มีออกบริการก็จะอาบน้ำให้ม้า  แต่ต้องดูเวลาที่เหมาะสมด้วย ไม่ใช่นำไปอาบน้ำตอนร้อนจัด ก็อาจจะทำให้ม้าช็อคได้ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพม้าทันที ซึ่ง คนเลี้ยงม้าแต่ละคน รักม้าของตนเองมาก คงไม่อยากให้ม้าของตนเองเจ็บป่วยล้มตายไปได้ง่าย เพราะกว่าจะเลี้ยงหรือฝึกฝนให้มาเป็นม้านำเที่ยวต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้มาแต่ละตัว

ขณะเดียวกัน นพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า จากภาวะอากาศร้อนในช่วงเดือนเมษายนนี้ จังหวัดลำปางมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และยังสูงที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ ทำให้ประชาชนอาจจะได้รับผลกระทบจากความร้อนที่รุนแรง ดังนั้นสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จึงได้จัดออกให้คำแนะนำกับประชาชนในการปฏิบัติตัวเอง เพื่อป้องกันโรคและภัยทางสุขภาพที่มากับภาวะอากาศร้อน โดยพบว่าในระยะนี้จะผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งมี 4 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ,ผู้สูงอายุ ,กลุ่มเปราะบาง เช่น หญิงมีครรภ์ เด็กเล็ก เป็นและกลุ่มที่มีอาชีพเสี่ยง เช่น ผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานจึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษ

ส่วนโรคและภัยสุขภาพนอกจากเกิดจากผลกระทบจากภาวะหมอกควัน ก็แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่  ฮีทสโตรก เป็นภาวะวิกฤตที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนในร่างกายได้ มักพบได้บ่อยในกลุ่มผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน กลุ่มเล่นกีฬา หรือการฝึกทหารโดยขาดการเตรียมตัวมาก่อน เป็นต้น  จะมีอาการ อ่อนเพลีย หน้ามืดหากมีอาการรุนแรงผู้ป่วยจะตัวร้อนจัด เหงื่อไม่ออก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ และเป็นลม  ซึ่งในบางรายอาจถึงแก่ชีวิตได้จึงขอแนะนำให้ งดหรือเลี่ยงทำงานหรือออกกำลังกาย ทำงานกลางแดดจ้าเป็นเวลานาน หากสภาพอากาศร้อนจัดก็ควรดื่มน้ำให้ได้ 1 ลิตรต่อชั่วโมง สวมเสื้อผ้าที่ระบายเหงื่อได้ดี ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และเฝ้าระวังดูแลเด็กเล็ก ผู้สูงวัย ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ป่วยเรื้อรังอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงอาจเสียชีวิตได้ง่าย หากพบผู้มีอาการเจ็บป่วยจากภาวะอากาศร้อน ควรให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยให้ดื่มน้ำเย็นและเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น ให้อยู่ในที่ระบายอากาศที่ดี ถ้ามีอาการรุนแรง หมดสติ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

ด้านโรคติดต่อที่พบมากขึ้นในฤดูร้อน ได้แก่ โรคติดต่อทางอาหารคือ โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด อหิวาตกโรค และไข้ไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย ซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว หนอนพยาธิฯ เพราะช่วงฤดูร้อนเชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี หากได้รับเชื้อจะมีอาการ ปวดท้อง ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน หรือคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ อุจจาระอาจพบเยื่อมูกและมีเลือดปน ในบางรายมีอาการรุนแรง อาจทำให้เสียชีวิตได้ ขอให้ประชาชนยึดหลัก "สุก ร้อน สะอาด" รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ด้วยความร้อน ไม่มีแมลงวันตอม ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ ในส่วนอาหารที่ปรุงประกอบไว้นานแล้ว เช่น ข้าวกล่อง อาหารถุง ต้องนำมาอุ่นให้ร้อนก่อนรับประทานทุกครั้ง และขอให้สำรวจอาหารก่อน หากมีกลิ่น รส หรือรูปเปลี่ยนไป ไม่ควรรับประทานต่อ

นอกจากนี้ยังต้องระวังโรคติดต่อที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โรคไข้เลือดออกซึ่งมียุงลายเป็นตัวนำโรคสามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ โดยผู้จะมีอาการไข้สูงโดยฉับพลัน ปวดเมื่อย หน้าตาแดง หรือมีผื่นขึ้นใต้ผิวหนังตามแขน ขา ข้อพับ ถ้ามีไข้สูง 2-3 วันไม่หายหรือไม่ดีขึ้น ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และยังมีโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งจริงๆแล้วสามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าร้อนนี้ อากาศร้อนจัด อาจทำให้สัตว์หงุดหงิดง่าย จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังตนเอง และบุตรหลานไม่ให้ถูกสัตว์กัดข่วน  โดยขอให้ยึดหลัก "คาถา 5 ย." เพื่อลดความเสี่ยงการรับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ดังนี้ อย่าแหย่ ให้สัตว์โมโหเพราะอาจโดนข่วนหรือกัดได้ อย่าเหยียบ บริเวณลำตัว ขา หรือหางของสัตว์ อย่าแยก สัตว์ที่กำลังกัดกันด้วยมือเปล่า อย่าหยิบ จานข้าวหรืออาหารขณะสัตว์กำลังกิน อย่ายุ่ง กับสัตว์ที่ไม่รู้จักคุ้นเคย

และสุดท้าย ภัยสุขภาพในช่วงฤดูร้อนที่มักจะคร่าชีวิตลูกหลานเรา ได้แก่ การจมน้ำ ส่วนใหญ่เกิดจากเด็กจะชวนกันไปเล่นน้ำเพื่อคลายความร้อน โดยลำพัง โดยไม่บอกผู้ปกครองให้ทราบ ผู้ปกครองควรกำชับเด็กในความดูแลอย่างใกล้ชิด และขอให้คนในชุมชนให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ร่วมด้วยช่วยกันป้องกันเด็กในชุมชนของตัวเอง


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1226 วันที่ 26 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2562)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์