วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

กฟผ.ย้ำเถ้าลอยไม่เกี่ยว ค.1 ล้มประมูลผิด คนแม่เมาะฮือทวงสัญญา

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 ยันการประมูลเถ้าลอยต้องยึดตามระเบียบ 

จากกรณีที่กลุ่มชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอแม่เมาะ นำโดยนายถนอม กุลพินิจมาลา ประธานชมรมฯ ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือต่อนายนิมิตร ผดุงศิลป์ไพโรจน์ นายอำเภอแม่เมาะ ขอให้ กฟผ.แม่เมาะระงับการเปิดประมูลจำหน่ายขี้เถ้าลอย และระงับการทำ ค.1 โครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 8-9  เมื่อวันที่ 21 พ.ค.62 ที่ผ่านมา

โดยได้ระบุว่า การยื่นหนังสือข้อเรียกร้องในครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 พ.ย.59  ได้ข้อตกลงนำไปสู่ข้อสรุปคือ  กฟผ.ไม่ขัดข้องที่จะนำเศษหินไปใช้กับประโยชน์ของส่วนรวม  ผวก.เห็นชอบและต้องการให้ทำแผนทั้ง 3 ตำบลเป็นแผน 10 ปี  ส่วนกรณีการขอซื้อเถ้าลอยต่อ กฟผ.แม่เมาะในราคาส่วนลดมากกว่า 10% จำนวนโควตา 30% ของยอดแต่ละปีนั้น ทาง กฟผ.ได้เสนอต่อคณะกรรมการ กฟผ.แล้ว โดยมีหนังสือให้ กฟผ.แม่เมาะกลับมาทบทวนใหม่ ไม่ให้ตามข้อตกลง และยังขายให้คู่ค้ารายอื่นที่ไม่ใช่ประชาชนในพื้นที่ เท่ากับหลอกให้ประชาชนให้การสนับสนุน ค.1-ค.3  การสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4-7 กำลังการผลิต 655 เมกกะวัตต์ 

ดังนั้นเพื่อแสดงความจริงใจในการช่วยเหลือแก้ปัญหาของ กฟผ.แม่เมาะ ทางชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.แม่เมาะ จึงขอให้ทาง กฟผ.แม่เมาะระงับการเปิดประมูลจำหน่ายขี้เถ้าลอย และระงับการทำ ค.1 โครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8-9 เอาไว้ก่อน เพื่อหาข้อสรุปและหาทางออกในการแก้ไขปัญหาที่จะเกิดกับชุมชน  รวมไปถึงการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน โดยขอให้มีการดำเนินการซื้อขี้เถ้าลอยต่อ กฟผ.แม่เมาะในราคาส่วนลดมากกว่า 10% จำนวนโควตา 30% ของยอดที่มีในแต่ละปี ผลกำไรจะนำมาพัฒนาชุมชน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความยั่งยืนทั้งอำเภอแม่เมาะ และลดผลกระทบจากคนเดือดร้อนทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการขายขี้เถ้าลอยต่อไป 

นายพลศรี สุวิศิษฏ์อาษา  ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2  เปิดเผยในเรื่องนี้กับลานนาโพสต์ว่า  โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 8-9 อยู่ในแผน PDP ซึ่งได้ผ่านมติ ครม.เมื่อวันที่ 30 เม.ย.62 ที่ผ่านมา ซึ่งได้กำหนดสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนให้เสร็จและเดินเครื่องได้ในปี 2569 แต่เนื่องจากพื้นที่ อ.แม่เมาะเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินใช้เวลาก่อสร้างนาน ต้องมีกระบวนการทำ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EHIA) อีก จึงต้องเริ่มทำในตอนนี้ เมื่อเสร็จแล้วก็จะเสนอ ครม.อนุมัติ ซึ่งกว่าจะจบขั้นตอนการทำ EHIA ประมาณ 2 ปี และเริ่มก่อสร้างไปอีก 4 ปี จะจบในปี 2569 พอดี   ตอนนี้จึงเป็นเพียงการเริ่มดำเนินการ มีการเข้าพบทางส่วนราชการทั้งจังหวัด และท้องถิ่น เพื่อชี้แจงว่าจะมีการทำ EHIA รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในครั้งแรก ในวันที่ 13 ก.ค.62   เพราะฉะนั้นในช่วงนี้อยู่ระหว่างการเข้าพื้นที่ลงไปชี้แจงให้ทราบ  ซึ่งเป็นไปได้ว่าประชาชนบางส่วนยังไม่ทราบว่าจะมีการจัดทำ ค.1  เนื่องจากทั้งอำเภอพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ยังต้องลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 กล่าวถึงกรณีชาวบ้านขอซื้อเถ้าลอยในราคาส่วนลดว่า กฟผ. ได้มีการนำเสนอเรื่องนี้ให้คณะกรรมการพิจารณาแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากติดปัญหาขัดกับระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ  ซึ่งเรื่องการขายให้ชาวบ้านในราคาถูกได้ก็ต้องเป็นทางภาครัฐเป็นผู้สั่งการ เพราะ กฟผ.ทำเองไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้ปฏิบัติและเป็นหน่วยงานในสังกัดของรัฐ   สำหรับการประมูลเถ้าลอยนั้นก็ยังไม่มีเหตุที่จะสั่งให้ระงับการประมูลได้ เนื่องจากหากครบกำหนดการยื่นซองประมูลแล้ว  แต่ไม่มีการเปิดซองทาง กฟผ.ก็จะโดนดำเนินคดี   

ส่วนประเด็นที่ชาวบ้านบอกว่าได้รับผลกระทบจากการขนเถ้าลอย คือ เสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ และถนนพัง  กฟผ.ก็ได้มีการปรับทีโออาร์ในการประมูลเถ้าลอย ให้มีการคุ้มครองกรณีการเกิดอุบัติเหตุ เช่น ให้มีการทำประกัน และจ่ายค่าชดเชย กรณีการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่เป็นกรณีไป เพื่อให้มีการเยียวยาอย่างสมเหตุสมผล  ส่วนเรื่องถนนหนทางได้เสนอไปยังผู้มีอำนาจดำเนินการ อยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่  

นายพลศรี กล่าวต่อไปว่า  หลังการยื่นหนังสือผ่านนายอำเภอแม่เมาะ ทางอำเภอก็ได้ส่งมาให้ทาง กฟผ.แม่เมาะพิจารณา จึงได้ส่งหนังสือไปยังผู้บริหารระดับสูงเพื่อหารือร่วมกันในการแก้ไขปัญหาในกระบวนการต่างๆ  ว่าสามารถทำตามระเบียบได้มากน้อยแค่ไหน  จากกรณี 3 ข้อที่ชาวบ้านได้เรียกร้องมา คือเรื่องการขอใช้หินคลุก ก็ได้ดำเนินการใกล้จะสำเร็จแล้ว  รวมทั้งเรื่องการของบ CSR เพิ่มเติม ก็ได้มีการสนับสนุนให้เพิ่มตามกรอบที่สามารถทำได้ โดยสนับสนุนให้ปีละ 40  ล้านบาท เป็นงบที่เยอะพอสมควร  ส่วนเรื่องเถ้าลอยไม่สามารถทำได้เนื่องจากขัดต่อระเบียบ จึงต้องหาวิธีและทางออกร่วมกันต่อไป

ถึงแม้ว่าเรื่องการทำ ค.1  กับเรื่องเถ้าลอย เป็นเรื่องคนละประเด็นกัน แต่ความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นสิ่งที่ กฟผ.ต้องดูแล จึงอยากให้เรื่องเหล่านี้ไปอยู่บนเวที ค.1  เพื่อจะได้นำไปหาแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งจะมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมเก็บข้อมูล  จากนั้นก็จะได้มีเวที ค.2   ค.3 ต่อไป  แต่ถ้าหากไม่มีการทำ ค.1 แล้วก็จะไม่ได้มีการพูดคุยปัญหา โรงไฟฟ้าก็จะไม่ได้สร้าง ผลกระทบก็จะเกิดกับชุมชน  เช่น โรงไฟฟ้าเครื่องที่ 8-9 จะหมดอายุในปี 2567  เมื่อหยุดผลิตไฟฟ้าก็จะไม่มีเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า รวมไปถึงการใช้ไฟฟ้าซึ่งจะส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ

ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า2 กล่าวทิ้งท้ายว่า เห็นใจชาวบ้านชุมชน และเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติที่มีเรื่องเดือดร้อนแล้วเสนอขึ้นมา โดยชาวบ้านก็อาจจะไม่เข้าใจถ่องแท้ในเรื่องระเบียบ  กฟผ.ก็ต้องรับฟังและอธิบายให้เข้าใจกันต่อไป ต้องพูดคุยกันว่าควรใช้วิธีใดหรือช่องทางใดได้บ้าง เชื่อว่าจะมีช่องทางหนึ่งที่สามารถตกลงกันได้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1230 วันที่ 24 - 30 พฤษภาคม 2562)

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์