วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

นักร้องเต็มบ้าน ขยะข่าวเต็มเมือง !

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วกว่าหนึ่งเดือน จนถึงวันที่กฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับให้ต้องประกาศรายชื่อ ส.ส.ให้ครบ 95 % หากไม่เป็นไปตามนี้ การเลือกตั้งก็จะเป็นโมฆะ ต้องล้มกระดาน เลือกตั้งกันใหม่ แต่เชื่อว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงต้องพยายามก้าวข้ามด่านแรกนี้ไปให้ได้ จากนั้นจึงจะไปสะสางแจกใบเหลือง ใบแดง ใบส้ม แล้วแต่กรณี

หาก กกต.เข้าใจหน้าที่ รู้ความสำคัญ ลำดับความเร่งด่วน ก็ควรจะเลือกทำแต่เรื่องใหญ่ๆ เรื่องที่เป็นสาระ มากกว่าไปเสียเวลา เอาใจใส่ กับเรื่องเล็ก เรื่องน้อย โดยเฉพาะบรรดา “นักร้อง” ทั้งหลาย ที่ใช้ กกต.เป็นเครื่องมือในการสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง นักร้องรายวัน ที่มีวาระแอบแฝง คนเหล่านี้ ทำให้แต่ละวันที่ผู้คนรอคอยการประกาศรายชื่อ ส.ส.อย่างเป็นทางการ สังคมนี้ก็ท่วมล้นไปด้วยขยะข่าว

การมีขึ้นของนักร้องรายวัน เช่น นายศรีสุวรรณ จรรยา ทำให้สังคมข้อมูล ข่าวสาร ฟุ้งกระจายไปด้วยข่าวเท็จ และข่าวที่ไร้สาระมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นวิธีการทำงานของสื่อมวลชน ที่อาจไม่ได้ประเมินคุณค่า ประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าว จนส่งผ่านขยะข่าวไปสู่สังคม และกลายเป็นเครื่องมือในการกระจายขยะข่าวออกไป

คนที่ร่ำเรียนมาทางด้านนิเทศศาสตร์ หรือสื่อมวลชน คงได้รับการสอนสั่งมาว่า การทำข่าว จะต้องคิดถึงองค์ประกอบคุณค่าข่าว หรือ News Values ก่อนที่จะนำเสนอออกไป นั่นหมายถึงข่าวนั้นมีความสำคัญ มีคุณค่า มีความน่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างไร

ข่าวรายวัน ที่นายศรีสุวรรณ จรรยา หอบเอาเอกสาร ไปยื่น กกต.ไม่เว้นแต่ละวัน กล่าวหา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้นสื่อ รวมทั้งว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่อีก 11 คน ไม่ได้มาจากความพยายามสืบค้น เข้าถึง ข้อมูลที่สลับซับซ้อนแต่อย่างใด นอกจากข้อมูลเก่าทางทะเบียน ซึ่งบริษัทเหล่านั้น เลิกทำกิจการไปแล้ว หรือยังทำกิจการอยู่ แต่เป็นประเภทอื่นที่ไม่ใช่การทำสื่อ

ซึ่งหาก ยึดเจตนารมณ์ของผู้ร่างกฎหมาย ที่ไม่ต้องการให้นักการเมืองใช้สื่อเพื่อสนับสนุนตนเอง หรือโจมตีให้ร้ายคู่แข่ง หรือมีอิทธิพลเหนือทัศนคติ ความคิด ความเห็นของคน การขุดคุ้ยเรื่องนี้ มาดิสเครดิตนักการเมือง สร้างชื่อให้บรรดานักร้องไร้สาระเหล่านี้ มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก แทบจะเรียกว่าบทบัญญัติกฎหมายในลักษณะนี้ไม่ได้มีประโยชน์ ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว

ในยุคที่ภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยนไป มีช่องทางสื่อที่หลากหลาย และส่งผ่านข้อมูล ข่าวสารที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ยุคแห่งการใส่สีตีไข่ข่าว คือข่าวที่ถูกประกอบสร้างขึ้นมา โดยไม่มีข้อเท็จจริงในยุคก่อน กลายเป็นเฟคนิวส์ กลายเป็นข่าวลวง ที่มีปริมาณมากเสียยิ่งกว่าฟองอากาศในมหาสมุทร ในยุคนี้ แต่คนทำสื่อล้าหลังจำนวนไม่น้อย ยังแยกแยะความจริงออกจากความเท็จไม่ได้ และกลายเป็นเครื่องมือของแหล่งข่าวด้อยคุณภาพไปอย่างน่าเสียดาย 

ข่าวทุกชิ้นย่อมมีที่มาจากแหล่งข่าว การประเมินความน่าเชื่อถือของข่าว จึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการประเมินคุณค่าข่าว แต่ในโลกที่ท้วมท้นไปด้วยข่าวลวง หรือข่าวที่ไม่ควรเป็นข่าว นอกจากนักข่าวจะแยกน้ำเน่าออกจากน้ำดีไม่ได้แล้ว ยังแยกไม่ออกระหว่างแหล่งข่าวที่ดี กับแหล่งข่าวที่หลอกใช้นักข่าวด้วย

ข่าวนักการเมืองถือหุ้นสื่อ ซึ่งนักข่าวไม่เคยทำการบ้าน ไม่เคยศึกษาว่า กฎหมายเช่นนี้มีที่มา ที่ไปอย่างไร ไม่เคยรู้ ไม่เคยเข้าใจ นิยามของคำว่าสื่อที่เป็นปัญหาในความคิดของคนร่างกฎหมาย แต่ลิงโลดที่จะถูกจูงจมูกไปกับเรื่องไร้สาระ เรื่องการจับผิดคน ที่ไม่ได้มีความสำคัญอย่างใดเลยในคุณสมบัติของการเป็นส.ส.

พวกเขาวันนี้ จึงมีค่าเท่ากับนักข่าวที่ทำงานอยู่ในโรงงานข่าวขยะเท่านั้น


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1227 วันที่ 3 - 9 พฤษภาคม 2562)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์