จากการทำงานด้านปศุสัตว์มานาน
และพบเห็นสัตว์ถูกฉีดยาปฏิชีวนะเข้าไปเพื่อกระตุ้นร่างกาย
และยังมีการจ่ายสัตว์ออกจำหน่ายให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งสารเคมีต่างๆที่อยู่ในตัวสัตว์ได้ส่งต่อให้กับมนุษย์ทางอ้อม เกิดการสะสมและเกิดโรคร้ายตามมา ทำให้ น.สพ.ทวีวัฒน์ เคลือหิรัญ หรือ หมอวี
ได้ตัดสินใจออกจากงานประจำ และหันมาเปิดฟาร์มไข่ไก่อารมณ์ดี ไร่ธรรมชาติ
ผลิตสินค้าปลอดภัยและมีคุณภาพส่งตรงให้กับผู้บริโภค
น.สพ.ทวีวัฒน์
เคลือบหิรัญ หรือ หมอวี อายุ 41 ปี
ได้เล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังว่า พื้นเพของหมอวีเกิดและโตที่กรุงเทพมหานคร แต่ด้วยความชอบอากาศเย็นของทางภาคเหนือ จึงได้มาซื้อที่ดินตั้งรกรากอยู่ที่ อ.เกาะคา
จ.ลำปาง จากความฝันของคุณพ่อที่อยากมีสวน และคุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งจากการได้รับสารเคมีต่างๆมามาก
ประกอบกับตนเองได้ทำงานอยู่ในฟาร์ม
กับสัตว์และได้เห็นว่าการให้ยากับสัตว์ไม่มีระยะหยุดยา เกิดการตกค้างในสัตว์ที่ส่งออกต่อผู้บริโภค
คิดว่าอยากจะผลิตอาหารดีๆให้ผู้บริโภค จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดไร่ธรรมชาติ
เกษตรอินทรีย์ ฟาร์มไข่ไก่อารมณ์ดี โดยทำการปรับพื้นที่ประมาณ
9 ไร่ เพื่อทำการเกษตรอินทรีย์เพื่อใช้เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงไก่ และเริ่มจากการเลี้ยงไก่แบบปล่อยอิสระ ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยประชากรสัตว์ เป็นไก่ 185 ตัว เป็ด 31
ตัว ไก่ประดู่ 40 ตัว
ซึ่งเป็นไก่ที่เพาะพันธุ์เอง
เป้าหมายที่ตั้งใจคือ
ลดสารปนเปื้อนและสารเคมีให้น้อยที่สุด โดยจะมีมาตรฐานมี 4 ข้อ
คือ ไม่มีตัวผู้ในฝูง ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ 100 เปอร์เซ็นต์
ไม่มีการเปิดแสงไฟเพื่อเร่งผลผลิต รวมทั้ง ดิน น้ำ และอาหาร
ต้องมีการตรวจรับรองว่าไม่มีสารตกค้าง
และยังมีการเปิดเพลงให้ไก่ฟัง เพราะเคยอ่านบทความพบว่าเรื่องเสียงเพลงมีผลกับคุณภาพชีวิตของสัตว์ให้อารมณ์ดีขึ้น
และการสร้างพฤติกรรมให้สัตว์คุ้นเคยกับเสียงดังหรือเสียงแปลกปลอม
หมอวี กล่าวว่า ข้อดีของการทำเกษตรปลอดภัยคือ
ตัวเราไม่ได้รับสารเคมี และได้ส่งออกสินค้าคุณภาพออกไปสู่ผู้บริโภค ได้บุญทางอ้อมเพราะผลผลิตไม่มีสารพิษหรือยาปฏิชีวนะ
ที่เป็นสาเหตุของการดื้อยา ที่เกิดจากการสะสมในอาหาร ซึ่งมาจากการใช้ยาในการปศุสัตว์ค่อนข้างสูง เคยพูดคุยกับแพทย์ที่รู้จักกัน
ทราบว่า การทานเนื้อสัตว์ที่มียาสะสม
จะทำให้ร่างกายเราได้รับปริมาณยาอ่อนๆเป็นระยะเวลานานและเกิดการสะสมในร่างกาย แพทย์พบว่าการดื้อยามีมากขึ้นถึง 3
เท่าเมื่อเทียบกับปี 2550
เนื่องจากมีการใช้ยาเกิดขนาดในปศุสัตว์ ทำให้คนไข้ต้องเปลี่ยนยาไปเรื่อยๆ เมื่อใช้ยาจนหมดแล้วคนไข้ยังดื้อยาอยู่
คนไข้ก็จะหมดโอกาสในการรักษา
จึงมีความตั้งใจมากในการทำอาหารปลอดภัยให้กับผู้บริโภค
ในช่วงแรกของการทำเกษตรมา
2 ปี ได้เข้าอบรมกับสถาบันต่างๆที่จัด
เข้าปีที่ 3 ได้เริ่มรู้จักกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเมืองรถม้า
และสมัครเข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติ เทคนิคต่างๆในการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์
การปรับปรุงดิน นำมาปรับใช้กับในฟาร์มของเรา และยังได้เข้าร่วมโครงการ Safe
for sure ของคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง เป็นโครงการที่ดี
มีการการันตีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้กับผู้บริโภค
เพราะผู้บริโภคจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ผู้ผลิตตั้งอยู่ที่ไหน
มีการผลิตอย่างไร โครงการนี้จึงเป็นโครงการที่ตอบโจทย์และสร้างความมั่นใจได้ว่าสินค้าได้รับการการันตีจากโครงการได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย
น.สพ.ทวีวัฒน์
กล่าวอีกว่า ช่วงปลายปี 62 นี้ จะมีโปรดักส์ของไข่ไก่จากไก่พันธุ์พื้นเมือง ซึ่งความแตกต่างของการเลี้ยงไก่พื้นเมืองก็คือจะต้องมีตัวผู้ในฝูงเท่านั้น
ตัวเมียจึงจะยอมไข่ เหตุที่จะต้องไม่มีตัวผู้เนื่องจากว่าเราไม่ทราบวิธีการเก็บรักษาไข่ของผู้บริโภค
หากมีการผสมกับไก่ตัวผู้ไข่จะมีเชื้อและจะฝักเป็นตัวได้ ตอนนี้ทางฟาร์มสามารถปรับการเลี้ยงไม่ให้มีตัวผู้ในฝูงก็ออกไข่ได้แล้ว และปลายปีนี้ตั้งเป้าจะขยายจำนวนไก่ในฟาร์มให้ได้ถึง
500 ตัว
นอกจากนั้นยังมีไข่เป็ด
ที่นำไปทำเป็นไข่เค็ม โดยปรับสูตรของฟาร์มเองโดยเฉพาะ เพราะเจอปัญหาว่าไข่เค็มขาวไม่สามารถกินได้เพราะเค็มเกินไป
จึงกินได้แต่ไข่แดง ตนจึงได้ไปศึกษาหาข้อมูลเพื่อมาปรับสูตรมาใหม่ ใช้เวลาเกือบ 2
เดือน จนเข้าที่ทำให้ไข่เค็มของฟาร์มเป็นไข่เค็มที่ไข่ขาวมีรสชาติเค็มนิดๆและไข่แดงก็อร่อยกำลังดี
นำไปทอด และต้มได้ มีวางจำหน่ายได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น