![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi24tl8NKyk3jzIF-eJAMgjtfOF0QqYHsBliz3l1NIaI9BhsCnfx0zVsgFMO0bfw5AJVPKRPehZjdnbrpSgChw80p0DbTqgErrtNut-WbD_A14F2mYFmuhDhdV6Ciu5eibwJWRcwCv34oY/s640/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7.jpg)
เพจ
“เคมีและฟิสิกส์ของสิ่งทอสีสันและอาหาร” มีแอดมินเป็นนักเคมีสิ่งทอคนนี้ จัดว่าคร่ำหวอดในวงการย้อมสีมาก
สอนวิชาการย้อมผ้ามาไม่ต่ำกว่า 15 ปี
ไม่รวมประสบการณ์การย้อมผ้าอีกกว่า 30 ปี
เนื่องจากที่บ้านทำกิจการโรงย้อมสีลูกไม้ โดยเขาได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับการย้อมเสื้อดำใส่เองในแง่มุมที่เราเองคิดไม่ถึง
เพราะไม่มีความรู้ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
เขาอธิบายอย่างนอบน้อมและไม่ได้แสดงท่าทีอหังการที่จะสวนกระแสสังคมในยามนี้ว่า
การย้อมเสื้อดำจากผ้าขาวเอง หรือการนำเสื้อสีมาย้อมทับดำนั้น จำเป็นต้องรู้จักชนิดของเส้นใยทางสิ่งทอเป็นอย่างดีก่อนจะย้อม
ถ้าเราจำแนกชนิดของเส้นใยผิด ทุกอย่างก็จะผิดพลาดไปหมด และสีย้อมแต่ละชนิดที่ใช้ย้อมก็จะเลือกติดเฉพาะแต่ละเส้นใยเท่านั้น
ดังนั้น
การที่เรายังไม่ชำนาญในการจำแนกเส้นใยแล้วคิดจะย้อมเอง จึงอาจเกิดความผิดพลาด
น้อยที่สุดก็คือ สีไม่ติดบนผ้าเลย ซึ่งก็แค่เสียเงินและเสียเวลาเท่านั้น
แต่ถ้าผิดพลาดมากขึ้นไปอีกก็ได้แก่ การที่สีติดบนผ้า แต่ตกตลอด
เนื่องจากความไม่เหมาะสมของคู่สีย้อมและเส้นใย
แล้วสีที่ตกนั้นก็จะพานทำให้เสื้อผ้าชุดอื่น ๆ ของเราพังไปด้วย
ปกติผ้าที่จะย้อมสีได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือขั้นสูงมีเพียงผ้าฝ้าย
ป่าน ปอ ลินิน วิสโคส ขนสัตว์ ไหม และไนลอน
เพราะเส้นใยเหล่านี้สามารถย้อมติดได้ที่อุณหภูมิตั้งแต่อุ่น ๆ
จนถึงจุดเดือดของน้ำเท่านั้น ซึ่งสีดำที่องค์กรต่าง ๆ นิยมนำมาย้อมดำให้แก่ประชาชน
คือ สีซัลเฟอร์ (Sulphur Black)
เนื่องจากให้สีดำสนิท สวย แต่ว่าต้องใช้สารรีดิวซ์โซเดียมซัลไฟด์
หรือที่เรียกกันว่า หินเหลือง ซึ่งก็คือเกลือของแก๊สไข่เน่า
เรื่องกลิ่นจึงไม่ต้องพูดถึง
นอกจากนั้น
ยังต้องมีการเติมด่างอย่างโซดาซักผ้าลงไปด้วย ซึ่งสารชนิดนี้กัดกร่อนโลหะอย่างแรง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อุณหภูมิสูง ดังนั้น
ภาชนะที่ใช้ย้อมต้องเป็นโลหะเกรดพิเศษที่ทนสารกัดกร่อนที่อุณหภูมิสูงด้วย
หากใช้หม้อที่บ้านนั่นคือจุดจบเลยทีเดียว อีกทั้งสีซัลเฟอร์ดำจะติดบนเส้นใยจากพืชเท่านั้น
นั่นหมายความว่า หากเสื้อผ้าเราไม่ใช่ฝ้าย ป่าน ปอ ลินิน วิสโคส มันก็จะกลายเป็นสีเทาตุ่น
ๆ เลอะ ๆ ทำให้ต้องเสียเสื้อไปฟรี ๆ แต่ปัญหาใหญ่สุดของการย้อมผ้าใส่เองก็คือ
เส้นใยพอลิเอสเตอร์ เพราะเส้นใยชนิดนี้มีความแข็งแรงสูง
จึงนิยมนำมาใช้เป็นเส้นด้ายเย็บผ้าทุกชนิดที่ตะเข็บ และจะย้อมติดสียากมาก
ต้องใช้เครื่องมืออัดความดันที่สามารถทำให้น้ำนั้นมีจุดเดือดสูงขึ้นไปถึง 130
องศาเซลเซียส สีที่ใช้ย้อมจึงจะติด ดังนั้น
การที่เราย้อมเองโดยไม่มีเครื่องมือที่ว่า
เราก็จะได้เสื้อย้อมที่มีตะเข็บด้ายสีโดดเด้งขึ้นมา ไม่ยอมเป็นสีดำเหมือนสีพื้น
แอดมินเพจจึงไม่แนะนำให้ใครย้อมสีดำใส่เอง
หากว่าการย้อมนั้นไม่ได้ผลดี หรือไม่สามารถทำให้ได้คุณสมบัติที่ดี เช่น
สีเข้มสม่ำเสมอ สีไม่ตก
หรือมีวิธีที่ครอบคลุมให้ย้อมติดหมดทั้งผ้าและเส้นด้ายให้เป็น Solid
Shade (สีเดียวกันหมด) ทั้งนี้ การย้อมผ้าต้องอาศัยความชำนาญ
ทั้งการจำแนกเส้นใย สีย้อม กระบวนการย้อม สารเคมี อีกทั้งการย้อมนั้น
เป็นการใช้สีและสารเคมีในปริมาณสูง ซึ่งส่งผลต่อการกัดกร่อนภาชนะ
ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศและทางน้ำ ซึ่งมีเกลือ กรด ด่าง สารรีดิวซ์
และสารออกซิไดซ์อื่น ๆ
ที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมชนิดคาดไม่ถึง อีกทั้งช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ทุกคนต้องการย้อมผ้าพร้อม
ๆ กัน อันจะส่งผลกระทบรุนแรง หากกำจัดน้ำทิ้งที่เหลือจากการย้อมด้วยการเทลงระบบสาธารณะ
โดยไม่ได้ผ่านการบำบัดน้ำเสียอย่างถูกวิธี (ซึ่งวิธีที่โรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ
ใช้ก็ต้องลงทุนสูงและมีความซับซ้อนมาก)
อย่างไรก็ตาม
กระทรวงอุตสาหกรรมก็ได้แนะนำวิธีบำบัดน้ำเสียจากการย้อมผ้า
โดยแบ่งเป็นวิธีบำบัดด้วยเคมี ดังนี้ 1. ใส่น้ำฟอกย้อมที่ใช้แล้วในถัง
หรือบ่อพัก แล้วใช้สารส้มทำให้น้ำย้อมผ้าตกตะกอน 2. ปล่อยน้ำที่ใสแล้วออกสู่ผิวดิน
หรือแหล่งน้ำสาธารณะ 3. ตากตะกอนให้แห้ง แล้วใส่ถุงฝังกลบ
ส่วนวิธีบำบัดด้วยชีวภาพ ได้แก่ 1. ใส่น้ำฟอกย้อมที่ใช้แล้วในถัง
หรือบ่อพัก แล้วใช้จุลินทรีย์อัดเม็ดผสมในน้ำ 2. ให้น้ำผ่านเข้าไปในถังที่สอง
ซึ่งมีวัสดุจำพวกเถ้าแกลบ น้ำจะค่อย ๆ ซึมจากล่างขึ้นข้างบน ซึ่งจะใช้เวลา 5-7
วัน เพื่อให้น้ำย้อมผ้ามีสีจางลง หรืออาจให้น้ำย้อมผ้าไหลผ่านแปลงต้นกก
หรือหญ้าแฝก 3. ปล่อยน้ำที่ใสแล้วออกสู่ผิวดิน
หรือแหล่งน้ำสาธารณะ
ขณะเดียวกัน
การเปื่อยยุ่ยของผ้าย้อมดำ โดยเฉพาะผ้าย้อมดำด้วยสีซัลเฟอร์สีดำ
เมื่อเก็บเป็นระยะเวลานานจะสลายตัวเกิดเป็นกรดกำมะถันที่สามารถย่อยสลายผ้าฝ้ายได้
แอดมินบอกว่า เราจะไม่ค่อยเจอปัญหาผ้าดำเปื่อยขาดในกรณีที่เราใช้งานเรื่อย ๆ
ในขณะที่ผ้าที่เก็บสต็อกไว้นานโดยไม่ได้ผ่านการซักเลยจะเปื่อยเร็วกว่า
และกลายเป็นปัญหาเมื่อพ่อค้าแม่ค้านำมาขายให้เรานั่นเอง
สุดท้าย
แอดมินเพจบอกว่า ไม่มีอะไรง่ายสำหรับการกำจัดมลภาวะไปกว่าการป้องกันไม่ให้เกิดมลภาวะ
เช่นนี้เราจึงอาจรอสักระยะ ให้กระแสเสื้อดำนิ่ง เชื่อว่าเวลานั้นคงมีทางออกที่เหมาะสม
เสื้อดำคงมีการผลิตมากขึ้น ราคาก็จะถูกลง ระหว่างนี้อาจใช้ริบบินดำไปก่อน แล้วเห็นมีบางกลุ่มหันมาย้อมสีธรรมชาติจากมะเกลือ
ก็ดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ว่าแต่ ลูกมะเกลือนี่หน้าตาเป็นอย่างไรหนอ...
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1240 วันที่ 2 - 8 กรกฎาคม 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น