วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562

ความตายไม่ไร้คำตอบ บิลลี่ตาย แต่ความจริงไม่มีวันตาย !

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

ถานะของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก - บางกลอย เกือบจะกลายเป็น “บุคคลสาบสูญ” ไปแล้ว เหมือนกรณีนายทนง โพธิอ่าน เหมือนกรณีนายสมชาย นีละไพจิตร แต่เขาโชคดีกว่าอีก 2 คน เพราะในที่สุดได้พบว่า บิลลี่ตาย ด้วยหลักฐานกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมัน 200 ลิตร เหล็กเส้น 2 เส้น และถ่านไม้ 4 ชิ้น
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจพิสูจน์ พบว่า เป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างช้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิ 200 – 300 องศาเซลเซียส คืออุณหภูมิในระดับเผาไม้เป็นถ่านได้
นางอังคณา นีละไพจิตร อธิบายวิธีสังหารบิลลี่ เทียบเคียงกับกรณีนายสมชาย นีละไพจิตร สามีของเธอผ่านเฟสบุ๊คว่า กรณีสมชาย พบถังน้ำมัน 200 ลิตร เจาะรูลักษณะเดียวกันทั้งสิ้น 4 ถัง พร้อมทั้งเหล็กเส้นถังละ 2 ชิ้นในพื้นที่และเวลาต่างกัน เหล็กเส้นตามภาพใช้ขัดด้านบนของถังน้ำมัน เพื่อที่เวลาเผาทำลายศพ ศพจะได้ไม่กระเด็นออกมา เพราะเป็นการเผาสด เรื่องนี้คนทั่วไปอ่านยังใจสลาย สำหรับครอบครัวคงไม่สามารถพรรณนาได้
"การฆ่าก็โหดร้ายทารุณมากแล้ว การทำลายศพยิ่งทำให้เห็นความโหดเหี้ยม อำมหิต ไร้มนุษยธรรมมากขึ้นไปอีก ยังมีอีกหลายคนที่ยังสูญหาย โดยปราศจากการค้นหา”
จากการตรวจสอบพบสารพันธุกรรมของชิ้นส่วนกระดูก ตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายบิลลี่ พิจารณาจากบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน  ที่พบชิ้นส่วนกระดูก ประกอบกับพยานหลักฐานในสำนวนอื่น เชื่อว่าวัตถุที่พบ เป็นกระดูกของนายบิลลี่ บิลลี่ตายแล้วจริงๆ โดยการเผาทั้งเป็น เผาอำพรางคดี
ไม่มีศพ ไม่มีคดี นั่นคือวิธีการของคนร้ายที่โหดเหี้ยม คนร้ายที่มิใช่ตาสี ตาสา หากรู้หลักกฎหมาย รู้วิธีการที่จะทำให้เพื่อนมนุษย์คนหนึ่งที่เขาฆ่าหายไปจากโลก
นายบิลลี่ ถูกทำให้หายไป เพราะเขามีน้ำผึ้งป่า ไว้ในครอบครอง ขัดระเบียบอุทยานฯ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน คนสุดท้ายที่ได้พบบิลลี่ บอกว่าได้ตักเคือนและปล่อยตัวไป
ในตอนนั้น มีบางคนบอกว่า “บิลลี่ทิ้งมีนอและลูกๆ หนีไปมีเมียอยู่ฝังพม่า”
(FB Pipope Panitchpakdi)
ก็คงไม่ได้ต่างไปจากที่ทักษิณ ชินวัตร พูดว่า “คุณสมชายมีปัญหาทะเลาะกับภรรยา จึงหลบมาที่กรุงเทพ และขาดการติดต่อกับคนอื่น” คราวที่นายสมชาย นีละไพจิตร หายไป
คนเหล่านี้ไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของมนุษย์คนอื่น ไม่เห็นเรื่องการสูญหาย ความสูญเสียของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเป็นชาวป่าชาวดอย เป็นกะเหรี่ยง เป็นชนกลุ่มน้อย ชีวิตยิ่งต่ำต้อยน้อยค่า ทั้งที่ในความเป็นจริงเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของคนทุกคนเท่ากัน และควรได้รับการปกป้องคุ้มครองเท่าๆกัน
นายบิลลี่ ไม่ได้หายไปเพราะน้ำผึ้งป่าขวดนั้น แต่เขาหายไปและในที่สุดถนนนักสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมของนายบิลลี่ ก็นำไปสู่ความตาย และเป็นไปตามที่ นางพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ กล่าวไว้ในงาน “15 ปี สมชายและเสียงจากผู้สูญหาย”  ช่วงเวลาสุดท้ายที่ได้เห็นบิลลี่ ว่า
“บิลลี่ เป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีตำแหน่งอะไร ตั้งแต่เด็กพยายามค้นหาความรู้เพื่อช่วยหมู่บ้านของตนเองที่อยู่ในเขตอุทยานฯ จนวันหนึ่งหมู่บ้านถูกเผา ไม่มีอะไรเหลือ บิลลี่พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับความยุติธรรม จนสมัครเป็นสมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง แต่เป็นสมาชิก อบต.ได้เพียงปีกว่า บิลลี่ก็หายตัวไป..17 เมษายน ปี 2557 มีชาวบ้านบอกว่า เจ้าหน้าที่อุทยานควบคุมตัวไป น่าจะเพราะน้ำผึ้งป่าที่เอาลงมาด้วย แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่มีใครติดต่อบิลลี่ได้อีก”
บิลลี่ โชคดีกว่าสมชาย นีละไพจิตร มีโอกาสดีกว่าทนง โพธิ์อ่าน เขาพูดไม่ได้อีกแล้ว แต่ศพของเขาพูดได้ ภรรยาบิลลี่ นักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมทั้งหลาย ก็พอมองเห็นได้ว่า ใครฆ่าบิลลี่ 
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1244 วันที่ 6 - 19 กันยายน 2562)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์