![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiizbM2FfMaK9W2SuEXb9HAb_16rbsNt_DyhT98RCxPNb2qoD8_UueCe0rqAVSJD1-R6IkDROHE5ohfLDbruBhRwpb2jHSOlBBjeDXA_yq1QxdT2m42l9Pst1kU2GEzpnF1pvceiGgs_dU/s640/%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2597+1.jpg)
ระยะทางจากซ้ายมือถนนเส้นเชื่อมต่อไป
อำเภอแม่ทะลำปางจากแยกบ้านฟ่อน ไปห้วยหลอ เลี้ยวซ้ายไปทางเดียวกับลำปางวัลเลย์
ผ่านถนนดินลูกรังเล็กๆ เลาะคันเหมืองไป ประมาณ 2-3 กิโลเมตร ตามคำบอกเล่าของ
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ทรงพล สวาสดิ์ธรรม ที่บอกว่า
แถวนั้นมีสวนพอเพียงของสองตายายที่น่ามหัศจรรย์ที่ต้องตามไปดู
มิรอช้าที่ลานนาบิววีคจะตามไปเยี่ยมชม “ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทำไมมันดูเยอะมาก” ความรู้สึกแรกที่ไปถึง
'สวนตาศรียายก๋ง' (ป้ายหน้าบ้านเขียนไว้อย่างนั้น)
มีบ้านสำหรับพักอาศัยหลังไม่ใหญ่มาก สองตายาย รอต้อนรับพาเดินเข้าไปในสวน
สิ่งแรกที่เห็นตั้งแต่ประตูทางเข้า คือ ถุงเพาะชำไม้ใบและไม้ประดับ
เรียงรายภายในสวน ต้องตื่นเต้นกับสระบัวหลวงหลายไร่
รอบสระและริมทางเดินเต็มไปด้วยกอใบเตยหอม และไม้ดอก ไม้ประดับปลูกแซมปะปนกันไป
มีศาลานั่งเล่นในสระบัวทุกบ่อ และที่สำคัญ
สระบัวนั้นเต็มไปด้วยปลานิลที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ
เดินลึกเข้าไปกว่านั้นมีป่าสักให้ความรู้สึกของการไปเยือนป่าที่ชุ่มเย็นที่ถูกแวดล้อมด้วยนาข้าวสุดลูกหูลูกตา
คุณตาศรี บุญศรี ฟูสกุล วัย 75 ปี บอกเล่าว่า
เดิมทีเมื่อสมัยยังเป็นหนุ่มตาศรีมีอาชีพทำนาข้าวเหนียวสืบทอดจากพ่อแม่
สมัยนั้นพ่อแม่ยกที่ดินให้เพียง 3 ไร่ เมื่อทำนาขายข้าวได้
ก็เก็บเงินซื้อที่ดินข้างเคียงขยายเป็นนาแปลงใหญ่ขึ้น
กระทั่งมาพบรักกับสาวที่มารับจ้างเกี่ยวข้าว ซึ่งนั่นยายก๋งในปัจจุบัน
การสร้างครอบครัวถึงเปลี่ยนแปลงไปตามกลไกของชีวิตที่ลดการทำงานหนักจากการทำนา
แบ่งพื้นที่ปลูกพืชผักหมุนเวียน ทั้งข้าวโพด มันสำปะหลัง ผักสวนครัวเรื่อยมา
กระทั่งปี 2539
สองตายายได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโครงการหลวงห้วยฮ่องไคร้
จึงได้แบบอย่างของการทำเกษตรผสมผสาน
นำกลับมาพัฒนาที่นาของตัวเองให้เป็นแปลงเกษตรผสมผสานแบบค่อยเป็นค่อยไป
“ลุงเริ่มเปลี่ยนจากการทำนาข้าว บางส่วน
มาปลูกกล้วย มะพร้าว และพื้นที่เนินก็ปลูกต้นสักไว้เป็นสวนป่าให้ร่มเงา
จุดสำคัญของการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ที่มีอยู่ 10 ไร่ ให้เป็นสวนผสมที่มีลักษณะเฉพาะคือ
ที่ดินบริเวณนี้ มีตาน้ำคือน้ำผุดจากใต้ดินขึ้นมาหลายจุด
อาจเป็นเพราะเราปลูกต้นไม้ใหญ่เอาไว้เยอะ เลยทำให้ดินอุ้มน้ำไว้มาก
บวกกับน้ำลำเหมืองสาธารณะไหลผ่านตลอดปี
เราจึงทดลองขุดแปลงนาที่มีน้ำขังมากๆให้เป็นนาบัวเอาไว้ตัดขายดอก
ปรากฏว่าบัวแพร่ขยายกอเร็ว เจริญเติบโตดีมาก เลยขยายพื้นที่นาบัว หลายไร่
และปลูกใบเตยซึ่งเป็นพืชชอบน้ำรอบสระบัว เอาไว้ตัดใบขาย นอกนั้นก็เป็นกล้วย
มะพร้าว ดอกดาหรา เบิร์ดออฟพาราไดซ์ และไม้ประดับรอบสระเก็บขายตลอดปี
เราเหนือยมีรายได้มากกว่าการทำนา จนเลิกทำนาหันมาทำสวนผสมเต็มพื้นที่ ”
ตาศรี บอกอีกว่า
นอกจากพื้นที่นาบัวแล้วพื้นที่โซนสวนป่า มีต้นสัก มะขามและไม้ผลยืนต้นปะปนกันไป
แซมด้วยต้นกาแฟที่นำต้นพันธุ์มาจากบ้านแม่แจ๋ม อ.เมืองปาน
พื้นที่บางส่วนที่แสงส่องถึงก็ปลูก ข้าวโพด ปะปนกับพืชผักสวนครัว พริก มะเขือ
ผักพื้นบ้าน ผักกาดน้อยหรือผักกาดต้นอ่อนที่นิยมทำอาหารพื้นเมืองโดยปลูกอย่างละแปลงสองแปลง
หมุนเวียนไปตามฤดูกาล ซึ่งการเพาะปลูกนั้นจะไม่ใช้ปุ๋ยเคมีใดๆ
แต่อาศัยความอุดมสมบูรณ์ของดิน น้ำ ตามธรรมชาติ
“สวนของเรา สามารถเก็บเกี่ยวพืชผล
และกิ่งใบไม้ดอกไม้ประดับขายหมุนเวียนได้ตลอดปี สามารถเลี้ยงลูกสองคนสบายๆ
ทุกวันนี้ใช้ชีวิตบั้นปลายแบบมีรายได้ มีความสุข สุขภาพดี ทุกวันจะตัดดอกไม้
และใบไม้ประดับ ทำเป็นมัดสำหรับชุดดอกไม้ไหว้พระ ไปขายที่ตลาดเก๊าจาวในตัวเมือง
บางวันก็ขายที่ตลาดบ้านฟ่อนใกล้บ้าน นอกเหนือจากขายปลีกในตลาดก็มีลูกค้าขาประจำที่มาสั่งซื้อไม้ดอกไม้ใบ
และใบเตย และต้นเพาะชำต่างๆ เป็นรายได้หลัก ส่วนที่เหลือมีรายได้จากการขาย
พืชผลในสวน และขายปลาในฤดูการน้ำแล้ง ถึงจะไม่มากเป็นหลักหมื่นหลักแสน
แต่ก็มีรายได้ทุกวันบางทีสูงถึงหลักพัน ที่สำคัญเราปลูกพืชกินได้ทุกอย่าง
ทำให้ซื้อของจากตลาดเพียงแค่เนื้อหมู ไก่ และของใช้จำเป็น
รายจ่ายน้อยกว่ารายรับชีวิตดีมีความสุข”
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2gx5eiui2oTqDcgWu6gzdzT9kLDM5S7KHnnWMDh8y-VhelKJWTxqoBZlvCHtp6cbq0zDMWz0asR0iY2zq5N8GU_dTc_pLJS2IZgaQJR538xBwsbqJoGHjL-auka9Ld5xpzi_MpUYMGFA/s200/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25876.jpg)
การไปเยือนครั้งนี้รู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้ไปและซึมซับแนวคิดจากสองตายายให้เป็นพลังแก่การอยู่ในโลกของการแข่งขันยุคนี้
อะไรที่ทำแล้วดี มีความสุขบนความเรียบง่าย
นับเป็นคุณค่าและความหมายของการชีชีวิตที่ลงตัว
ใครที่อยากไปอุดหนุน หรือเยี่ยมชมสวน
โทรติดต่อได้ที่โทร 095-779-6202
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1244 วันที่ 6 - 19 กันยายน 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น