ความจริงที่ว่า ถ้าไม่รู้จริง อย่าพูดเสียดีกว่า
ยืนยันจากปรากฎการณ์ “ปล่อยไก่” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ในการตอบคำถามนายทอม นากอร์สกี รองประธานเอเชีย โซไซตี ที่นครนิวยอร์ค
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในช่วงถาม - ตอบ
หลังปาฐกถาหัวข้อประเทศไทยในบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตอบคำถามที่ว่า “ท่านนายกฯคิดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตอบถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
การที่คนไทยต้องเรียนรู้จากเทคโนโลยีดิจิทัล
และใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์
"คนไทยจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับเทคโนโลยีดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย
ซึ่งมีทั้งวิกฤตและโอกาส ทำให้คนเกลียดใครก็ได้ ให้คนรักใครก็ได้
ซึ่งผมถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดในโลก ไม่รู้ใครสร้างขึ้นมา
แต่มันเป็นประโยชน์ถ้านำมาใช้เรื่องออนไลน์ เรื่องขายของ เรื่องการให้ความรู้
ผมโอเคหมด"
"วันนี้ผมก็เปิดจากกูเกิล
ผมอยากรู้เรื่องอะไร อยากรู้เรื่องท่าน (ผู้ดำเนินรายการ)
ผมกดชื่อท่านเข้าไปมันก็ออกมา ถ้าอยากรู้จักแดเนียล รัสเซล (ผู้บริหารเอเชีย โซไซตี) มันก็ออกมา
ประวัติมีหมด ทุกเรื่อง อยากจะรู้เรื่องปลูกพืชก็มี"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวด้วยว่า
นักบริหารอย่างเขาใช้กูเกิลเป็นประจำ
"แต่ประชาชนไม่ค่อยใช้ทำให้ไม่ได้เรียนรู้ข้อมูลต่าง
ๆ"
"พวกเราเป็นนักบริหาร
จะเปิดกันส่วนใหญ่ ประชาชนไม่ค่อยเปิด นั่นแหละ
ทำให้ปัญหามันเกิดขึ้นเพราะไม่ได้เรียนรู้ไง
เพราะฉะนั้นการเรียนรู้จากโทรศัพท์จากเทคโนโลยีนี่มีประโยชน์
ส่วนใหญ่คนจะชอบอ่านแต่เรื่องที่มันขัดแย้ง เช่น ถ้าสุนัขกัดคนไม่เป็นเรื่อง
แต่ถ้าคนกัดสุนัขนี่มีเรื่อง มันจะออกข่าวรายวันไง นี่เป็นเรื่องที่จะต้องแก้ปัญหาให้ได้"
ข้อมูลจาก
Google
News Lab เมื่อปี 2560 จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยอยู่ที่
46 ล้านคนและ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 59 ล้านคนภายในปี 2563 ในจำนวนนี้เป็นการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือประมาณ
30 ล้านคน นอกจากนั้น คนไทยใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ย 4.18
ชั่วโมง/วัน
ฟังคำนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
กับภาพความจริง ประกอบกับข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทย และเวลาที่ใช้กับอินเทอร์เน็ต
อาจไม่ได้หักล้างความคิด ความเชื่อของนายกรัฐมนตรีที่ว่าคนไทยไม่ค่อยได้ใช้ กูเกิล
ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการในการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เนตทั้งหมด
เพราะประชาชนก็อาจรู้เท่าทันกูเกิลว่า คำตอบของกูเกิลไม่ได้เป็นข้อมูลที่อ้างอิง
และเชื่อถือได้ พวกเขาจึงไม่ได้เอาจริงเอาจังกับกูเกิลมากนัก
แต่สิ่งที่น่าตกใจ
คือถ้อยคำที่ว่า พวกเขาเป็นนักบริหาร ซึ่งอาจหมายถึงคณะรัฐมนตรี
จะเปิดใช้ประโยชน์เป็นส่วนใหญ่ แปลว่า กูเกิล ซึ่งเป็นธุรกิจมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ
สำหรับคำค้น ที่จ่ายให้กูเกิลและจะได้พบข้อมูลของเขาก่อน รวมทั้งข้อมูล
ข่าวสารที่เป็นเฟคนิวส์ ซึ่งกูเกิลไม่มีระบบที่จะตรวจสอบได้ นี่เป็นเรื่องที่สะท้อนสติปัญญาของนายกรัฐมนตรีจากประเทศไทยที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
กูเกิล
เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูล โดยไม่ได้ลงทุน ลงแรง
เป็นเว็บไซต์ทีละเมิดลิขสิทธิ์งานของผู้อื่นมากเป็นอันดับต้นๆ
รวมทั้งงานประเภทข่าว ซึ่งอยู่ในหมวดวรรณกรรมที่ผลิตโดย “ลานนาโพสต์” ก็ถูกละเมิดลิขสิทธิ์โดยกูเกิลบ่อยครั้ง
ดังนั้น
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจากประเทศไทย
ที่ไม่ได้รู้จริงเรื่องการใช้สื่อของคนไทย
และไม่รู้จักที่จะเรียนรู้และศึกษาให้ถ่องแท้เสียก่อน ในฐานะที่เป็นผู้นำของประเทศ
กล่าวคำที่แสดงความเขลาออกมาในสายตาประชาคมโลก
ก็เท่ากับลดทอนความเชื่อถือในวุฒิภาวะของผู้นำประเทศไทยไปด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น