จักรวาลที่กว้างใหญ่เก็บงำไว้ซึ่งสิ่งมหัศจรรย์นานัปการ
รวมถึงดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีสิ่งมีชีวิตมากมายถือกำเนิดเติบโตขึ้นทุกวินาที
ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามวัฏจักร บางอย่างสูญหาย บางอย่างถูกค้นพบ สิ่งลี้ลับที่ยากจะค้นหา
อาจถูกพบเจอแบบไม่คาดฝัน ตามแต่เวลาที่ดาวเคราะห์ที่ชื่อว่า “โลก” ดวงนี้จะอนุญาต
กล่าวถึงเขตอุทยานถ้ำผาไท หมู่ 6 ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว จังหวัดลำปาง
เล่ากันว่าในวันหนึ่งขณะที่ชาวบ้านไปเดินป่าก็บังเอิญพบกับแหล่งน้ำแห่งหนึ่งที่มีน้ำสีเขียวมรกตขนาดใหญ่
โอบล้อมไว้ด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ กินเนื้อที่ราว 1-2 ไร่
แต่ความลึกนั้นไม่อาจจะคาดเดาได้ สันนิษฐานว่าแหล่งน้ำแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกสมัยดึกดำบรรพ์
หรืออาจเกิดจากการยุบตัวของหินปูนซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อน แล้วจมลงใต้น้ำ
จึงเรียกชื่อสถานทีนี้ว่า “หล่มภูเขียว”
*ปริศนาภายใต้ความงดงาม
ชาวบ้านเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
มีเจ้าพ่อหล่มภูเขียวสถิตอยู่ และเป็นที่อาศัยของพญางูใหญ่ ทุกๆ
ปีจะมีการทำพิธีบูชาน้ำเพื่อแสดงความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหล่มภูเขียว
เพื่อคงความอุดมสมบูรณ์แก่สถานที่แห่งนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า ในปีหนึ่งขณะที่ชาวบ้านนำขันข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา
โดยนำเครื่องบูชาวางบนขอนไม้และลอยไปกลางลำน้ำของหล่มภูเขียว ก็ได้เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ขึ้น
คือ ขอนไม้จมลงไปใต้น้ำแล้วลอยขึ้นโดยที่เทียนยังไม่ดับ จึงทำให้ชาวบ้านเกิดความศรัทธาเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
โดยมีการนำน้ำจากหล่มภูเขียวมาใช้ดื่มกิน บ้างก็เอาน้ำมาลูบแข้งลูบขาแล้วอธิษฐานขอให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
ด้วยความมหัศจรรย์ที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้คน เมื่อมีพิธีทางพุทธศาสนาจึงมีการนำน้ำจากแหล่งน้ำแห่งนี้ไปเป็นน้ำพุทธมนตร์
และสรงน้ำพระธาตุมาตั้งแต่โบราณกาล ดังนั้นจึงมีการห้ามไม่ให้ใครลงไปอาบหรือนำเท้าจุ่มลงไปในน้ำแห่งนี้โดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ยังไม่อนุญาตให้มีการให้อาหารปลาด้วย
ภายใต้แผ่นน้ำสงบลึกสีเขียวมรกตสะกดสายตา ยังมีสิ่งมหัศจรรย์น่าค้นหามากมายที่ยังไม่มีใครสามารถไขความลับได้
แหล่งน้ำสีเขียวมรกตที่มีน้ำใสราวกระจกแก้ว
สามารถมองเห็นตัวปลาขนาดเล็กใหญ่แหวกว่ายไปมาอย่างอิสระ สีของน้ำจะเปลี่ยนไปตามเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเอง
โดยช่วงเช้าจะปรากฏเป็นสีเขียวมรกต และเปลี่ยนเป็นสีฟ้าครามในช่วงเที่ยงวัน
และเนื่องจากโดยรอบมีต้นไม้ใหญ่ ทุกวันจะมีใบไม้หล่นลงไปในน้ำเต็มไปหมด
แต่พอรุ่งเช้ามาใบไม้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครตอบได้ว่าใบไม้เหล่านั้นหายไปไหน
แต่เชื่อว่าไม่ได้จมลงไปใต้น้ำเป็นแน่ เพราะหล่มภูเขียวแห่งนี้มีอายุราวพันปี
หากมีใบไม้จมลงไปทับถมอยู่ใต้น้ำ น้ำคงเน่าเสียไปแล้ว
จะเห็นว่าในน่านน้ำหล่มภูเขียวมีปลาอาศัยอยู่มากมาย
ทั้งนี้เป็นเพราะว่าไม่มีใครกล้าจับปลาในสถานที่แห่งนี้ เนื่องจากชาวบ้านเล่ากันว่าในอดีตเคยมีคนจับปลาในหล่มภูเขียวมากิน
ก็ทำให้เกิดอันเป็นไปต่อคนเหล่านั้น
นอกจากนี้ชาวบ้านยังเชื่อว่าหากใครที่ถ่ายรูปหล่มภูเขียวแห่งนี้แล้ว
เวลากลับหัวภาพที่ถ่ายไว้ดูแล้วเห็นรูปพญานาคหรือพระพุทธรูปถือว่าคนที่มีบุญบารมี
ชาวบ้านยังเชื่ออีกว่า
ในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งสำนักวิปัสสนาหล่มภูเขียว
เดิมบ่อน้ำที่หล่มภูเขียวแห่งนี้มีจอกแหนเต็มไปหมด แต่มีสามเณรตั้งจิตอธิฐาน
หลังจากนั้นจอกแหนก็ไม่มีปรากฏในบ่อน้ำแห่งนี้ให้เห็นอีกเลย
สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ว่าบางสิ่งบางอย่างหลักวิทยาศาสตร์ก็ไม่อาจพิสูจน์ได้
ความลับจะยังคงเป็นความลับตลอดไป…
*เทศกาลท่องเที่ยว…รับลมหนาวที่หล่มภูเขียว
ในวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมาก็ได้มีการจัดงาน
“เทศกาลท่องเที่ยว…รับลมหนาวที่หล่มภูเขียว ”
โดยมีนายสิทธิชัย จินดาหลวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางเป็นประธานเปิดพิธี ซึ่งภายในงานก็จะมีพิธีกรรมบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักษ์รักษาหล่มภูเขียว
เพื่อความเป็นศิริมงคล และคงรักษาไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของสถานที่แห่งนี้
นอกจากนี้ยังมีการแสดงของชาวบ้านอ้อนและหมู่บ้านใกล้เคียง มีการขายสินค้า O-TOP
ของชุมชน และเครื่องดื่มที่ลดการใช้พลาสติกอีกด้วย
ในการนี้ก็มีนักท่องท่องเที่ยวมาเที่ยวชมอย่างคับคั่ง
ด้วยเรื่องเล่าอันลี้ลับ
ด้วยเรื่องราวสุดประทับใจที่ถูกถ่ายทอดสู่โลกโซเชียลและมีการเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วเรื่องแล้วเรื่องเล่า
จึงทำให้ผู้คนมากมายถูกพัดมามายังสถานที่แห่งนี้ด้วยหลงเสน่ห์มนตร์ขลังของแผ่นน้ำสีเขียวมรกต
และก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เดินทางมาตามหารักแท้ที่ “ต้นงุ้น”
(ต้นไม้โบราณที่เชื่อว่าคนดวงสมพงษ์กันจะมาพบกันที่แห่งนี้) บ้างมาเพื่อพักผ่อน
บ้างมาเพื่อกระชับความอบอุ่นในครอบครัวช่วงฤดูหนาว หลายคนลงทุนมาค้างคืนเพียงเพื่อได้ชมหล่มภูเขียวในช่วงเวลาเช้าตรู่
และก็มีหลายต่อหลายคนมาเพื่อพิสูจน์ความลี้ลับ
แต่ไม่ว่าใครจะมาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้ด้วยเพราะเหตุผลอะไร
ก็เป็นที่น่ายินดีทั้งสิ้น เพราะทุกครั้งที่มีการพบเจอมักจะมีเรื่องราวดีๆ
เกิดขึ้นเสมอ ทั้งมิตรภาพ ประสบการณ์ และความทรงจำที่หาซื้อจากที่ไหนไม่ได้
และนอกจากนี้ยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทย
ช่วยลดการตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากประชาชนในพื้นที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยว
หล่มภูเขียวแห่งนี้สามารถมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่น้ำจะใสเป็นพิเศษนั้นคือช่วงตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน
“สถานทีท่องเที่ยวไทยเป็นของคนไทย อยากให้คนไทยเอาหัวใจโอบกอดกันไว้ในทุกๆ
ที่ รวมทั้งที่หล่มภูเขียวแห่งนี้ด้วย อากาศหนาวๆ โอบกอดกันด้วยรอยยิ้ม
เสียงหัวเราะ คงอบอุ่นอยู่ในความทรงจำไม่เสื่อมคลาย”
เกษณี ตั๋นตุ้ย นักศึกษาฝึกงาน สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
เกษณี ตั๋นตุ้ย นักศึกษาฝึกงาน สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น