
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 62
ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอห้างฉัตร จ.ลำปาง น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้า “โครงการจัดตั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม” ขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย
(อ.ส.ค.) ภาคเหนือตอนบนใน อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยมีนายสิทธิชัย จินดาหลวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. ผู้บริหารของ อ.ส.ค. และหัวหน้าส่วนราชการใน
จ.ลำปาง ร่วมให้การต้อนรับ
ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. ได้กล่าวรายงานถึงความเป็นมา ในจัดตั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมและศูนย์เรียนรู้กิจการโคนมแบบครบวงจร อ.ส.ค.ภาคเหนือตอนบน อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เนื่องจากทางชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคเหนือ จำกัด โดยนายชุมพร ปาลี รองประธานรักษาการประธาน ได้มีหนังสือไปถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในคราวเดินทางมาปฏิบัติราชการและเยี่ยมประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27 เม.ย.59 ขอความอนุเคราะห์ให้รัฐบาลพิจารณางบประมาณสนับสนุนการจัดตั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมขนาดใหญ่ และจัดตั้งศูนย์เรียนรู้กิจการโคนมครบวงจร เนื่องจากการเลี้ยงโคนมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนมีปริมาณเพิ่มขึ้น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแล้ว จึงได้ส่งเรื่องให้ อ.ส.ค.พิจารณาดำเนินการ ต่อมาคณะกรรมการ อ.ส.ค.ได้มีความเห็นให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคเหนือ จำกัด และเป็นไปตามความเห็นของปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงให้ อ.ส.ค. ดำเนินการ จัดตั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม ที่ดำเนินการโดย อ.ส.ค. เพื่อรองรับผลผลิตน้ำนมดิบที่เพิ่มขึ้นตามที่รัฐบาล โดยจัดทำโครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตของเกษตรกรเป็นฟาร์มขนาดกลางและขนาดใหญ่ และจัดตั้งศูนย์เรียนรู้กิจการโคนมครบวงจร ซึ่งประกอบด้วยศูนย์ Feed Center เพื่อเป็นแหล่งสนับสนุนอาหารโคนมในราคาต้นทุนต่ำ ศูนย์เลี้ยงโคนมทดแทน เป็นการแบ่งเบาภาระ ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในการนำโคทดแทนมาเลี้ยงยังศูนย์แทน ตามข้อจำกัดด้านแรงงาน สร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่สานต่ออาชีพของครอบครัว และSmart Farm เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ ศึกษาดูงานด้านกิจการโคนมระดับนานาชาติ
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันการเลี้ยงโคนมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน และลำปางนับเป็นฐานการผลิตน้ำนมดิบที่สำคัญและคุณภาพดีที่สุดของประเทศไทย มีการรวมตัวกันจัดตั้งเป็น สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมมากถึง 18 สหกรณ์ และบริษัทเอกชน 4 แห่ง มีเกษตรกรรวม 1,403 ราย จำนวนโคนมทั้งหมด 64,147 ตัว ปริมาณน้ำนมดิบที่ผลิตได้ 8,990 ตันต่อเดือน หรือ 300 ตันต่อวัน และมีแนวโน้มปริมาณน้ำนมดิบของเกษตรกรเพิ่มขึ้นทุกปี จากสถานการณ์ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมีความวิตก หากไม่มีการขยายโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมเพื่อรองรับปริมาณน้ำนมดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย อาจส่งผลให้เกิดปัญหานมล้นตลาดในอนาคต ตนจึงได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้าเพื่อให้โครงการดังกล่าวแล้วเสร็จเร็วที่สุดเพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่ขาดโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ขนาดที่เพียงพอรองรับน้ำนมดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งหากไม่รีบตั้งโรงงาน คาดน้ำนมดิบจะเกินความต้องการในปี2563 ตามมาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ จากการติดตามความก้าวหน้าทราบว่าขณะนี้โครงการดังกล่าวคืบหน้าอย่างมาก โดยในส่วนของพื้นที่สำหรับใช้ก่อสร้างโรงงานนมนั้น อ.ส.ค.ได้รับความอนุเคราะห์จากสถานีพัฒนาที่ดินลำปาง กรมพัฒนาที่ดิน อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปางในการมอบที่ดินรวม 154–3-75 ไร่สำหรับใช้ก่อสร้าง 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 การจัดตั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม โดยจะใช้พื้นที่ที่ อ.ส.ค.ได้รับอนุญาตให้เช่าที่ราชพัสดุ จากกรมธนารักษ์ โดยตรง จำนวน 79 ไร่
ส่วนที่ 2 การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้กิจการโคนมแบบครบวงจร ในพื้นที่ของกรมพัฒนาที่ดิน–สถานีพัฒนาที่ดินลำปาง โดยการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมพัฒนาที่ดิน กับ อ.ส.ค. พื้นที่จำนวน 75-3-75 ไร่ โดยได้มี การลงนามความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาที่ดิน กับ อ.ส.ค.
ไปแล้วเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 62
ที่ผ่านมา
นอกจากนี้
อ.ส.ค.ยังได้ดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษามหาวิทยาลัยบูรพา
ทำการศึกษาทบทวนโครงการพร้อมออกแบบโครงการจัดตั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมและศูนย์เรียนรู้กิจการโคนมแบบครบวงจร
ภาคเหนือตอนบน อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง โดยที่ปรึกษาได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.61 ที่มีการสรุปผลการทบทวน-การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
พร้อมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะจากมุมมองของที่ปรึกษาที่เป็นประโยชน์ ต่อโครงการ
พร้อมออกแบบโครงการ ที่ชัดเจน พร้อมดำเนินการในขั้นตอนที่ อ.ส.ค.สามารถจะนำเสนอ เพื่อขอความสนับสนุนงบประมาณ
หรือดำเนินการจัดหาผู้ลงทุนในลำดับต่อไป โดยโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม
จะมีกำลังการผลิต 150 ตัน ต่อวัน
ใช้งบประมาณค่าก่อสร้างและอุปกรณ์เครื่องจักรทั้งโครงการกว่า 1,015 ล้านบาท
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น