
จะอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์
หรือเหตุผลใดก็แล้วแต่ แต่การโพสต์ แชร์ ภาพ/ข้อความที่เป็นเท็จ
โดยเฉพาะในเรื่องไวรัสโคโรนา ย่อมมีความผิด และต้องรับโทษทั้งจำคุกและปรับ
แม้ภายหลังจะลบโพสต์ หรือยกเลิกการแชร์ภาพ ข้อความปลอม นั้นแล้วก็ตาม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งความ
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)
ให้ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ.2560
ฐานนำเข้าข้อมูลที่เป็นเท็จ กรณีไวรัสโคโรนา แล้ว 7 ราย
โดยความผิดเช่นว่านี้ กฎหมายกำหนดบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
การดำเนินการชนิดเด็ดขาดกับผู้ปล่อยข่าว
ผู้แชร์ข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือเฟคนิวส์ เข้มข้นมากเป็นทวีคูณ เมื่อพล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดการส่งต่อข้อมูล
ที่จะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก
ตัวอย่างผู้ที่ถูกดำเนินคดี
คือผู้ที่แชร์ข้อความว่าพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา 1 รายที่พัทยา โพสต์เฟสบุ๊คจากสนามบินสุวรรณภูมิ อ้างว่าคนจีนอยู่ดีๆ
ก็ล้มลงต่อหน้าต่อตา และ รปภ.ห้ามถ่ายภาพ ซึ่งความจริงคือชายที่ล้มลงนอนกับพื้น
เมาสุราหลับ ตกเก้าอี้ และการที่ รปภ.ห้ามถ่ายภาพ เป็นเขตการบิน ห้ามถ่ายภาพ
กรณีนี้ผู้โพสต์ได้ลบคลิปนี้ออก แต่ไม่ว่าจะปรากฎในเวลามากน้อยเพียงใด
ก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ไม่สามารถอ้างการลบคลิปมาเป็นเหตุยกเว้นโทษได้
รวมทั้งการโพสต์
และแชร์ข้อความที่อ้างว่ามีผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในโรงพยาบาลจังหวัดต่างๆ ทั้งที่จังหวัดนครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา
และลำปางด้วย
ไวรัสโคโรนากำลังระบาดอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ
การป้องกันคือการรักษาตามอาการ และคิดค้นวัคซีนที่จะปราบไวรัสนี้
ขณะที่ไวรัสข่าวปลอม ข่าวลือเรื่องโคโรนา ก็อาจหยุดระบาดได้
หากตำรวจเอาจริงเอาจังในการจัดการผู้สร้าง ผู้กระจายเฟคนิวส์ เช่นวันนี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น