สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เป็นช่วงที่ไทยมีการติดต่อกับชาวต่างชาติมากมาย รวมทั้งชาวจีนด้วย
โดยชาวจีนได้นำเอาก๋วยเตี๋ยวเข้ามากินกันในเรือ มีการต้มในน้ำซุป ใส่หมู
ใส่ผักและเครื่องปรุงเพื่อความอร่อย สำหรับคนไทยในยุคนั้น จึงสันนิษฐานว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทยได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงนี้เป็นแน่แท้
ในสมัย จอมพล ป.
พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นช่วงยุคทองของเส้น เพราะมีการคลอดนโยบายรัฐนิยมที่สนับสนุนให้ประชาชนบริโภคก๋วยเตี๋ยว
ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล จอมพล ป. เห็นว่าหากประชาชนหันมาร่วมกันบริโภคก๋วยเตี๋ยว
จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติในตอนนั้น เพื่อให้เงินหมุนเวียนในประเทศนั่นเอง (วิกิพีเดีย สารานุกรมออนไลน์, 2562, [ออนไลน์])
ประเภทของเส้น
จากการสอบถามพ่อค้า
แม่ค้าที่คลุกคลีกับเส้นต่างๆ มาหลายสิบปี ก็ทำให้ได้รู้ว่าเส้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ เส้นแบบเปียก และเส้นแบบแห้ง โดยเส้นแบบเปียกจะเป็นเส้นที่มีความเปียก
และนุ่มในตัวอยู่แล้วแม้ยังจะไม่ผ่านกรรมวิธีการต้มหรือลวก ซึ่งมีอยู่ 5 เส้น ได้แก่ เส้นแผ่น เส้นใหญ่ เส้นเปียก ข้าวเปียกเส้น (ก๋วยจั๊บญวน)
เส้นก๋วยเตี๋ยวพม่า (หมี่เหลือง) ส่วนเส้นแบบแห้งคือเส้นที่ปกติจะแข็ง
ถ้าผ่านการต้มหรือลวกจะเหนียวนุ่ม ก็จะมีอยู่ 2 เส้นเช่นกัน
ได้แก่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ขาว
ไม่ใช่เส้นใหญ่แต่ไม่ถึงขั้นเส้นเล็ก
เส้นเปียก เป็นชื่อที่รู้จักกันในโซนของภาคเหนือ
(หากไปสั่งแถวกรุงเทพฯ ต้องบอกแม่ค้าว่า เส้นผัดซีอิ๊ว จึงจะถึงบางอ้อ)
เนื่องจากต้นตระกูลของเส้นนี้อยู่ที่เชียงใหม่เมืองแห่งอารยธรรมที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือนั่นเอง
เส้นเปียกของเชียงใหม่ ถือเป็นเส้นโบราณ
ที่มีความเหนียวนุ่ม มีเอกลักษณ์ เป็นที่ชื่นชอบของผู้เฒ่าผู้แก่
ด้วยความพิเศษของเส้นนี้ทำให้เมืองที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวอย่างลำปาง
จนต้องสั่งเส้นเปียกจากเชียงใหม่ มาเป็นวัตถุดิบในการทำก๋วยเตี๋ยวด้วย อาจจะเป็นเพราะเมืองลำปางเป็นเมืองที่มีร้านก๋วยเตี๋ยวลือชื่ออยู่หลายแห่ง
และมีการนำเส้นเปียกมาใช้ทำก๋วยเตี๋ยวมาเป็นเวลานาน
จึงทำให้มีการเข้าใจผิดว่าเส้นเปียกเป็นเส้นที่มีต้นกำเนิดมาจากลำปาง
จนบ้างก็เรียกกันติดปากว่า “เส้นลำปาง”
เมื่อสั่งก๋วยเตี๋ยวมักเจอสองสิ่งนี้อยู่คู่กัน
เวลาไปร้านก๋วยเตี๋ยวหากใครลองสังเกตก็จะเจอว่าบางร้านมีน้ำส้มมาให้เลือกถึง
2
แบบด้วยกัน คือน้ำส้มแบบพริกตำ หรือพริกส้มแดง และพริกหั่นดอง
เจอแบบนี้แล้วบางคนก็จะแอบ “เอ๊ะ?” ในใจว่าทำไมกัน
ลานนาโพสต์จึงไปสืบค้นข้อมูลมาไขข้อข้องใจให้แก่ทุกท่าน
จนไปเจอกระทู้พันทิปกระทู้หนึ่ง จากสมาชิกหมายเลข 902068
ที่ถามว่า 'เวลาไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านเคยสังเกตไหมว่าทำไมต้องมีน้ำส้ม
2 แบบให้เราเลือก' ในการนี้ก็ได้คำตอบจากสมาชิกที่ใช้ชื่อว่าคุณใบยี่หร่า
ที่ได้รับการยืนยันจากสมาชิกที่ใช้ชื่อว่า ฉันคือความหวังของวันพรุ่งนี้ :ที่บอกว่าว่า “ความเห็นนี้ถูกต้องจ้าคอนเฟิร์มจากประสบการณ์เป็นเด็กขายของอยู่ตลาดโต้รุ้งมา
10 กว่าปีจ้า” ซึ่งคำตอบของคุณใบยี่หร่าสามารถสรุปได้ดังนี้
น้ำส้มแบบตำ
จะใส่พวก ก๋วยเตี๋ยวลุกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นหมู ก๋วยจั๊บ ก๋วยเตี๋ยวหลอด ส่วนแบบพริกหั่นดอง จะใส่ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา
บะหมี่ ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว โดยบางร้านจะมีให้สองแบบเพราะลูกค้าบางคน ไม่ทานพริก
ต้องการแต่รสเปรี้ยว ก็จะตักน้ำส้มที่อยู่ในโถพริกหั่นดองได้ เพราะน้ำส้มแบบนี้ไม่เผ็ด
มี่แต่เปรี้ยว ส่วนแบบตำ น้ำส้มจะมีรสเผ็ดด้วย
นอกจากนี้จากที่ได้สังเกตมาก็จะเห็นว่าร้านที่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำใสโดยเฉพาะจะมีเพียงพริกหั่นดอง
เช่น ร้านโกเด้งโฮเด้ง ร้านชายสี่บะหมีเกี๊ยว เป็นต้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น