ไปกินข้าวที่ไหน
ก็ต้องเจอกับบรรยากาศความเงียบเหงาเกือบทุกที่
นี่อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม อย่างชัดเจน
ว่าผู้คนทั้งหลายอยู่ในช่วงประหยัด รัดเข็มขัด จ่ายเงินน้อย และ ...“ไม่ออกบ้าน”
เจ้าของร้านค้าในตลาดน้อยใหญ่
ต่างก็บอกว่า “เดือนนี้(กุมภาพันธ์)เงียบมากในรอบหลายปี”
ร้านอาหารก็ยอดขายตก กันเป็นแถว ในลำปางเองก็พบว่า
ผู้ประกอบการร้านอาหารท้องถิ่นที่เคยเป็นที่นิยม ผู้คนพลุกพล่าน
ตอนนี้ต้องนั่งตบยุง ตุนวัตถุดิบขายไม่ออกกันเกือบทุกแห่ง ร้านกาแฟยิ่งหนัก
เพราะหากร้านที่ไม่มีเอกลักษณ์ ทั้งรสชาติกาแฟ หรือแค่มีบรรยากาศร้านดี
ก็ยังอยู่ยาก เพราะผู้บริโภคเขาเลือกซื้อ และจ่ายในราคาที่ถูกกว่าในคุณภาพเดียวกัน
แต่หากใครยัง รักษาคุณภาพเอาไว้ได้ดี โอกาสของความอยู่รอดคือการซื้อซ้ำ
และลูกค้าประจำ ซึ่งต้องมีโปรโมชั่น ลดแถม ทดแทนกันไป ก็ยังพอหายใจได้
แม้จะให้ผลกำไรน้อยแต่ไม่ขาดทุน
จึงไม่ต้องแปลกในว่า
เทศกาลวาเลนไทน์ ปีนี้ เงียบมากกว่าทุกปี
อาจเพราะเป็นช่วงที่มีทั้งข่าวร้ายๆในเมืองไทยติดดันหลายเหตุการณ์
และข่าวโรคระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จากไวรัสโคโรน่า (Covic-19) ทำให้ผู้คนระวังตัวกันแถบทุกกระเบียดนิ้ว แว่วข่าวมาว่า
งานวาเลนไทน์ที่อำเภอเมืองปาน จัดโดยทีมงานนักการเมืองท้องถิ่น ก็ผิดความคาดหมาย
ผู้จัดงาน จัดงานขายบัตร จี้ให้กับชาวบ้าน ใบละ 100 บาท
แต่ก็ได้ขายเฉพาะกลุ่มที่ใช้งบประมาณ กลุ่มอาชีพ กลุ่มชาวบ้าน ซื้อเพราะความเกรงใจ
ส่วนคนที่จะควักกระเป๋าจ่าย ไปนั่งดื่มชิล ฉลองความรักในวันวาเลนไทน์นั้นน้อยมาก
ชาวบ้านกระซิบบอกอีกาดำว่า เศรษฐกิจแบบนี้จะจ่ายในครัวเรือนยังยาก
ทำให้งานภาคบันเทิงอาจต้องยอมรับความหงอยไปเป็นธรรมดา
ร้านอาหารรายใหญ่ที่อำเภอเกาะคาและแจ้ห่มต่างก็บ่นว่า
แม้ธุรกิจในลำปางจะไม่ได้พึ่งพาตลาดท่องเที่ยว แต่บรรยากาศในเมืองก็เงียบมาก
ผู้คนออกมากินข้าวนอกบ้านน้อยลง ยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ก็หายไปมากกว่า
60-70% เป็นเรื่องที่น่าตกใจ
เศรษฐกิจขาลงเริ่มส่งสัญญาณมาชัดเจนมาก
ธุรกิจขนาดย่อยต้องหาทางปรับตัว
อีกาดำเป็นกำลังใจให้คนค้าขาย
ลงทุนให้น้อย จ่ายให้พอดี พอมีกำไร ยืนระยะให้ได้ในช่วงวิกฤตค้าขายนี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น