
สถานการณ์โรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่น
มณฑลหูเป่ย์ประเทศจีน เมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมานับว่าเป็นผลกระทบระดับโลก
ที่มีความตื่นตัวในทุกประเทศ รวมถึงคนไทยที่กำลังแตกตื่น ดราม่าอยู่ในขณะนี้
ที่สำคัญมันส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
เพราะไทยถือเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก
เมื่อมีข่าวการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสาเหตุต้นทางมาจากชาวจีน ระบบเศรษฐกิจ
ท่องเที่ยวที่พึ่งพาตลาดจีน ถึงกับต้องชะงักลงทันที คาดว่าไทยสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรกของปี
2563
(ม.ค.-มิ.ย.) ราว 3 แสนล้านบาท
แต่ผลกระทบทางตรงเรื่องการท่องเที่ยวยังไม่สู้ผลกระทบที่มาแรงแซงโค้งสุดๆคือ
ราคาหน้ากากอนามัยในประเทศไทยที่ดีดตัวขึ้นไปอย่างน่าตกใจ เรียกได้ว่า
โก่งราคาเป็นเท่าตัวจนรัฐบาลต้องออกมาวางมาตรการ
กำหนดให้สินค้า 1. หน้ากากอนามัยและเส้นใยโพลีโพรพิลีน(สปันบอนด์)เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย
และ2.ผลิตภัณฑ์เจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เป็นสินค้าควบคุมโดยจะเร่งนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 หากที่ประชุมเห็นชอบก็จะนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในทันที
ซึ่งอาจจะมีมาตรการเพิ่มเติม เช่น
จำกัดจำนวนการซื้อสินค้าไม่ให้มีการซื้อในปริมาณที่มากหรือซื้อโดยนำออกนอกประเทศ

ไวรัสโคโรน่า
ยังจะพ่นพิษให้เศรษฐกิจตกต่ำลงอย่างน่ากลัว ฉะนั้น อย่าแตกตื่น จนตกหลุมพราง
จ่ายเงินให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่ขูดเลือดขูดเนื้อด้วยการสร้างดีมานด์จากการปั่นกระแสกันเลย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น