จำนวนผู้เข้าชม
เมื่อวันที่
5
มี.ค. 63 ที่ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา
นายสิธิชัย จินดาหลวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
เป็นประธานประชุมบูรณาการแก้ไขปัญหาและกำจัดวัชพืชในเขื่อนกิ่วลม ร่วมกับนายปรีชา จานทอง ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่
2 พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ สุพรรณคง
ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ประมงจังหวัดลำปาง
ชมรมชาวแพ อปท.ใกล้เคียง ป่าไม้ ภาคเอกชน ฯลฯ
นายปรีชา จานทอง
ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 2 กล่าวว่า จอกหูหนูได้กระจายกินพื้นที่ภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนกิ่วลมรวมระยะทางประมาณ
18 ไร่ โดยแบ่งเป็น 3 โซน คือ
โซนต้นน้ำ บริเวณช่วงท่าสำเภาทอง ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม ถึงถ้ำสมบัติ ช่วงระยะ 4
กิโลเมตร โซนกลางน้ำ
บริเวณถ้ำสมบัติถึงห้วยฮาว ระยะทาง 12 กิโลเมตร
ปัจจุบันได้มีการทำทุ่นเชือกไม้ไผ่ผูกติดโอบล้อมจอกหูหนูไว้
และทยอยทำการจัดเก็บร่วมกับวิสาหกิจชุมชนชาวแพเขื่อนกิ่วลม-สำเภาทอง
และโซนปลายน้ำ เป็นช่วงบริเวณหน้าเขื่อนไปจนถึงลำห้วยฮาว
ระยะ 2 กิโลเมตร
จากพื้นที่ผิวน้ำเหนือเขื่อนประมาณ 10,000 ไร่
คิดเป็นพื้นที่เกิดวัชพืชประมาณ 2,000 ไร่ น้ำหนักวัชพืชสด 80 ตันต่อไร่ จึงคิดเป็นน้ำหนักทั้งหมด 160,000 ตัน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางกรมชลประทานได้สนับสนุนขอเครื่องจักรเข้ามาดำเนินการแต่เนื่องจากจอกมีปริมาณมาก
รวมไปถึงงบประมาณจำกัดจึงได้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นทางรองผู้ว่าราชการจังหวัด
ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนการวางแผนการดำเนินการร่วมกัน
โดยจะต้องทำการตักจอกหูหนูออกให้หมด เพราะจอกหูหนู 1 ดอก
สามารถแพร่กระจายเพิ่มเติมได้เต็มพื้นที่ 6
หมื่นไร่ได้ในระยะเวลา 6 เดือน
ถ้าตักออกไม่หมดก็จะกลับมาเต็มพื้นน้ำเหมือนเดิม
งบประมาณที่นำมาใช้ก็จะเปล่าประโยชน์ และจากปัญหาพบว่า อุปกรณ์เชือกและไม้ไผ่ที่ใช้กั้นบริเวณจอกนั้นไม่แข็งแรงมากนัก
เมื่อเจอลมแรงก็จะทำให้เชือกขาด จึงต้องหาทุ่นที่มีความคงทนถาวรมากักบริเวณจอกหูหนูไว้ให้อยู่ในพื้นที่จำกัด
ซึ่งในส่วนนี้ทางรองผู้ว่าราชการจังหวัด
จะช่วยเหลือดูแลในส่วนของงบประมาณว่าจะสามารถนำงบส่วนใดมาใช้ได้ โดยในการแก้ปัญหาในระยะแรกนี้
จะได้มีการตักจอกหูหนูในช่วง 1
กิโลเมตรแรกที่อยู่หน้าเขื่อนออกให้หมด
ส่วนแพท่องเที่ยวจะให้จอดที่ท่าโรงสูบน้ำของ กฟผ.ไปก่อนในช่วงที่มีการแก้ไขปัญหาหน้าเขื่อน
ซึ่งทางผู้ประกอบการแพได้ขอวัสดุอุปกรณ์เพื่อช่วยกั้นพื้นที่จอกหูหนู
ได้แพสามารถวิ่งออกให้บริการได้ควบคู่กันไป
นายสิธิชัย จินดาหลวง
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวสรุปถึงการแก้ปัญหาว่า จังหวัดลำปาง
บูรณนาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าหน่วยงานกรมชลประทาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ วิสาหกิจชุมชน
ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม อำเภอเมืองลำปาง และอำเภอแจ้ห่ม เพื่อที่จะแก้ปัญหาวัชพืชน้ำเหนือเขื่อนกิ่วลม
ในทุกประเด็นทุกมิติ สรุปได้ว่าจะมีมาตรการ
3
ระยะคือ ระยะที่ 1 คือ
ระยะเร่งด่วนเริ่มตั้งแต่วันนี้ไปถึง 5 เม.ย.63 จะทำการนำวัชพืชน้ำที่อยู่เหนือเขื่อน ในระยะ 1 กิโลเมตรแรก
ขึ้นจากน้ำให้หมดในระยะเวลา 1 เดือน เพื่อให้น้ำหน้าเขื่อนใสให้ได้
ระยะที่ 2 คือ
หลังจากเคลียร์ช่วงหน้าเขื่อนเสร็จแล้ว จะมีการดำเนินการต่อในกิโลเมตรที่ 2
คือช่วงตั้งแต่โรงสูบน้ำของ กฟผ. ยาวไปจนถึงท่าแพสำเภาทอง เราจะวางแผนเพื่อปฏิบัติการเอาวัชพืชน้ำกิโลเมตรที่
2 ถึงกิโลเมตรที่ 18 ออกให้หมด ภายใน 6
เดือน ไปจนถึงเดือน ก.ย.63
โดยจะมาประชุมเวิร์กชอปเป็นระยะ เพื่อที่จะมอบภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
วิสาหกิจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบหมายภาระความรับผิดชอบให้แก่ละพื้นที่
โดยจะต้องบล็อกพืชน้ำที่อยู่ตามซอกตามมุมของลำน้ำ เหนือเขื่อนให้ได้ก่อนและก็จะกำจัดทีละล็อคจนกว่าจะหมดไปจากลำน้ำ
ซึ่งจะต้องมีการจัดหางบประมาณมากพอสมควร ระยะที่ 3 คือการแก้ปัญหาในระยะยาว
จะต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันเฝ้าระวังและช่วยกันดูแล เพื่อพิจารณาหาแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ยั่งยืนต่อไป
สำหรับวัชพืชจอกหูหนู
ได้แพร่ขยายพันธุ์เจริญเติบโตในเขื่อนกิ่วลมจังหวัดลำปาง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 เป็นต้นมา และเพิ่มปริมาณหนาแน่นมากในช่วงฤดูน้ำหลาก เดือนกันยายน-ตุลาคม
ของทุกปี
ประกอบกับสภาพอากาศของจังหวัดลำปางเอื้ออำนวยให้วัชพืชแพร่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว
ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ คุณภาพน้ำเน่าเสีย
ส่งผลกระทบต่อการอุปโภค-บริโภค และเป็นอุปสรรคในการสัญจรทางน้ำ
ซึ่งโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา
ได้ทำการเฝ้าระวังและกำจัดวัชพืชจอกหูหนูมาโดยตลอด แต่ก็ไม่สามารถกำจัดวัชพืชจอกหูหนูได้หมด
อีกทั้งยังเพิ่มปริมาณหนาแน่นมากขึ้น
ปัจจุบันโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา
ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนชาวแพเขื่อนกิ่วลม-สำเภาทอง
ดำเนินการทำทุ่นเชือกและไม้ไผ่ผูกติดกันโอบล้อมวัชพืชจอกหูหนูเอาไว้ตามซอกลำห้วยต่าง
ๆ โดยช่วยกันทยอยเก็บและกำจัดมาโดยตลอด แต่ก็ตักออกไม่หมดสาเหตุเกิดจากวัชพืชได้ไหลหลุดมาจากบริเวณที่ได้โอบล้อมไว้กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันคลุมพื้นที่ประมาณ
2,000 ไร่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น