
ที่ห้องประชุม
ชั้น 3 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง ตำบลหัวเวียง อำเภอเมืองลำปาง
นายก่อพงษ์ โกมลรัตน์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายพินิจ
แก้วจิตคงทอง ปลัดจังหวัดลำปาง และนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง
ได้ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในนามคณะทำงาน
"ศูนย์อำนวยการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019
(โควิด-19)" เพื่อติดตามรับทราบข้อมูลประเมินสถานการณ์ระดับพื้นที่
พร้อมจัดเตรียมมาตรการรองรับในการเฝ้าระวังป้องกันโรค และวางแนวทางปฏิบัติไว้เป็นเบื้องต้นในสถานการณ์ต่างๆ
เพื่อการแก้ไขปัญหา และควบคุมโรค
หากพบผู้ติดเชื้อหรือพบการแพร่ระบาดภายในเขตท้องที่
โดยท่ามกลางสถานการณ์ของการเฝ้าระวังดังกล่าว
หลายหน่วยงานในจังหวัดลำปางได้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน
ทั้งการป้องกันตนเองโดยใช้หน้ากากอนามัย
หมั่นทำความสะอาดล้างมือเป็นประจำด้วยเจลแอลกอฮอล์ชนิดเข้มข้น
หลีกเหลี่ยงการไปในสถานที่ที่แออัด ไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม
น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ รวมถึงให้ระมัดระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาด
ส่วนสภาพปัญหาพื้นที่ปัจจุบันพบว่า
ในจังหวัดลำปางหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์
เริ่มขาดตลาดไม่สามารถหาซื้อได้ตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งทางจังหวัดได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน
เร่งแก้ไขสถานการณ์เปิดฝึกอบรมสอนวิธีการทำเจลแอลกอฮอล์ให้แก่ประชาชน
และสอนการทำหน้ากากอนามัยจากเศษผ้าให้ประชาชนได้ทำไว้ใช้เอง
โดยเบื้องต้นภาครัฐได้สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ พร้อมกับสร้างทีมวิทยากร ครู ก
เพื่อให้มีการนำขยายผลลงสู่ชุมชนทุกพื้นที่
ให้ทุกชุมชนได้จัดทำหน้ากากอนามัยจากเศษผ้า ทำเจลแอลกอฮอล์สำหรับใช้และแจกจ่าย
โดยมีเป้าหมายที่จะให้ประชาชนในจังหวัดลำปาง
มีหน้ากากอนามัยใช้ครบทุกคนอย่างน้อยคนละ 1 ชิ้น
และในพื้นที่ชุมชนเมืองให้ประชาชนจะมีเจลแอลกอฮอล์ขนาดพกพา ติดตัวไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินคนละ
1 ขวด
นอกจากนี้ในมาตรการเฝ้าระวังบุคคลกลุ่มเสี่ยง
ทางจังหวัดลำปางได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ที่พักพิงสำหรับบุคคลที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง
มีการสืบเสาะข้อมูลกลุ่มคนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
ทำการติดตามขอความร่วมมือในกักตัวเพื่อควบคุมโรค
โดยมีสถิติข้อมูลล่าสุด เมื่อ 15 มี.ค. 63 ในพื้นที่จังหวัดลำปาง มีผู้เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลี 139 คน, เดินทางกลับมาจากประเทศตามประกาศกระทรวง (จีน อิตาลี อิหร่าน) 37 คน,
เดินทางกลับมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง 153 คน, มีผู้ใกล้ชิดบุคคลกลุ่มเสี่ยง 206 คน และมีบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง
156 คน รวมจำนวนคนที่ต้องเฝ้าระวัง 691 คน ในจำนวนนี้มีผู้ผ่านการกักตัวแล้ว 14 วัน รวม
413 คน คงเหลือบุคคลต้องเฝ้าระวัง 278 คน
โดยทั้งหมดเจ้าหน้าที่สามารถติดตามทำการกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการได้ครบทุกคน 100% และสำหรับในส่วนมาตรการอื่นๆ
ทางจังหวัดลำปางได้ขอความร่วมมือในการยกเลิกกิจกรรมที่จะมีการรวมตัวของคนจำนวนมาก
เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการติดต่อของโรค
ด้าน
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
ได้กล่าวถึงการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่
"โควิด-19" ในครั้งนี้ว่า
ทางจังหวัดลำปางเองได้มีการติดตามสถานการณ์มาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
นับแต่มีกระแสข่าวการแพร่ระบาดของโรค
พร้อมได้จัดให้มีมาตรการเฝ้าระวังป้องกันในทุกๆ ด้าน จนถึงขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดลำปาง
ยังไม่มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อแม้แต่คนเดียว
คงมีแต่ผู้ที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังต้องกักตัวดูอาการ 14 วัน
ซึ่งส่วนใหญ่ได้ผ่านขั้นตอนดังกล่าวไปแล้ว
จะเหลือเพียงกลุ่มคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศหลังวันที่ 8 มี.ค. 63 เท่านั้น
ที่จะยังอยู่ในช่วงของการกักตัว นอกจากนี้ทางจังหวัดยังได้ใช้มาตรการอื่นๆ
เข้ามาร่วมปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นการห้ามข้าราชการเดินทางไปต่างประเทศ
การงดกิจกรรมรวมคนหมู่มาก
หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตั้งจุดคัดกรองอย่างเข้มงวด
เป็นต้น โดยหลังจากนี้จะเน้นกำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามมาตรการทุกขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้เพื่อจะเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นในเขตพื้นที่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น