
การปฏิบัติหน้าที่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ หลายคนมีความเหน็ดเหนื่อยและย่อท้อไปบ้าง
แต่ก็ต้องลุกขึ้นสู้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อทั่วประเทศยังคงมีประชาชนเคลื่อนไหวตัวเองอยู่
เพื่อกลับสู่ภูมิลำเนาบ้านเกิด หลังจากที่ธุรกิจหลายๆอย่างต้องปิดตัวลงชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยคนที่ตั้งรับอยู่ภูมิลำเนา
ก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าบุคคลเหล่านั้น เดินทางไปที่ใดมาแล้วบ้าง
จะมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหนในการกลับมาบ้านเกิด
สถานการณ์ใน จ.ลำปาง รายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง
วันที่ 10 เม.ย.63
พบผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันอยู่ที่ 4 ราย
เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งหมด
ซึ่งมีผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคสะสมแล้วจำนวน 97 ราย
อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 4 ราย
ส่วนผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่กลุ่มเสี่ยง ยอดสะสมอยู่ที่ 15,122 ราย กักตัวเองที่บ้าน 5,771 ราย พ้นระยะกักตัวแล้ว 9,351 ราย

และกลุ่มคนที่ต้องพบเจอกับผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงเป็นปราการด่านแรก
ผู้ที่ต้องสอดส่องหาคนทำงานต่างถิ่นที่เดินทางกลับภูมิลำเนา
ผู้ที่ต้องเข้าไปสำรวจคัดกรองบุคคลเหล่านี้
พร้อมกับกำชับให้มีการกักตัว 14 วัน
เพื่อความปลอดภัยต่อตนเอง ชุมชน และสังคม
นั่นคือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. นั่นเอง ดังนั้น
อสม.จึงเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงไม่น้อย เพราะเชื้อโรคร้ายนี้ไม่ได้ออกอาการทันที
แม้แต่คนแข็งแรงเป็นปกติก็สามารถติดเชื้อได้
อสม.ที่เข้าไปสำรวจข้อมูลก็ต้องมีการป้องกันตัวเองอย่างดีในระดับหนึ่ง
บรรดา อสม.ของแต่ละหมู่บ้าน จะมีการเดินสายเคาะประตูเข้าตามบ้านแต่ละหลัง
ทำการสำรวจจำนวนผู้อาศัย และวัดไข้บุคคลภายในบ้าน
มีการแจกสติกเกอร์ติดหน้าบ้านว่าบ้านหลังนี้ปลอดผู้ติดเชื้อโควิด-19
รายงานไปยังเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคของท้องถิ่นในพื้นที่ให้ทราบทุกกระบวนการ
เพื่อรวบรวมข้อมูลเหล่านี้รายงานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง
และส่งให้กับจังหวัดรวบรวมต่อไป
นางอำพรรณ อมรไตรศรี ประธาน
อสม.ชุมชนรถไฟนครลำปาง
ได้เล่าเรื่องราวการทำงานของ อสม.ในชุมชนว่า อสม. 1
คนนั้นจะต้องรับผิดชอบบ้านเรือนอยู่ประมาณ 25-30 หลังคาเรือน
โดยต้องสอดส่องดูแลในโซนที่ตัวเองรับผิดชอบว่าบ้านหลังนี้อยู่กันกี่คน
ใครประกอบอาชีพอะไร
มีผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงหรือไม่
รวมทั้งมีการตรวจสอบโดยการเคาะประตูบ้านแต่ละหลัง
อสม.ต้องป้องกันตัวเองโดยการเว้นระยะห่าง 2 เมตร
สวมหน้ากากอนามัย เมื่อเสร็จภารกิจก็จะรีบล้างมือด้วยน้ำสบู่ และ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
นอกจากนั้นจะมีการติดตามเจ้าบ้านทางแอพพลิเคชั่นไลน์
แนะนำให้ปฏิบัติตามระเบียบมาตรการจังหวัดลำปาง
อสม.ก็จะคอยสอดส่องและกำชับให้เขาปฏิบัติมีการบอกให้คนในบ้านดูแลกัน
คนที่ต้องกักตัว 14 วันก็จะต้องปฏิบัติ
โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากกองสาธารณสุข เทศบาลนครลำปาง ร่วมกับ อสสม.
สับเปลี่ยนเข้าไปเยี่ยมบ้าน
ส่วนใหญ่ชาวบ้านให้ความร่วมมืออย่างดี
ซึ่งทุกขั้นตอนจะมีการรายงานไปยังเจ้าหน้าที่ดูแลควบคุมโรคติดต่อและไม่ติดต่อ
กองสาธารณสุข เทศบาลนครลำปาง
และเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ร่วมกับ อสม.ด้วย

“ขอขอบคุณ
อสม. ชรบ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ทุกภาคส่วนที่ช่วยกันเฝ้าระวังผู้คนที่กลับมาจากกลับจากพื้นที่เสี่ยง
ขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคน ตอนนี้เราต้องเหนื่อยกันหมด
แต่ขอว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงลง
เพราะโควิด-19 ไม่ได้อยู่ในระยะสั้นอาจจะ 6 เดือนหรือมากกว่านั้น เราต้องปรับตัวให้เข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ให้ได้”
นายแพทย์สาธารณสุข กล่าว
ขอบคุณภาพจาก อสม.ชุมชนรถไฟนครลำปาง ต.สบตุ๋ย , อสม.ชุมชนพรประสิทธิ์ ต.บ่อแฮ้ว อ.เมืองลำปาง
ขอบคุณภาพจาก อสม.ชุมชนรถไฟนครลำปาง ต.สบตุ๋ย , อสม.ชุมชนพรประสิทธิ์ ต.บ่อแฮ้ว อ.เมืองลำปาง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น