นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรณรัตน์
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับกับสถานการณ์โควิด-19 จ.ลำปางว่า จากที่ จ.ลำปางพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 4 ราย ซึ่งเป็นในครอบครัวเดียวกันทั้งหมด
เป็นราษฎรในพื้นที่ อ.งาว จ.ลำปาง ปัจจุบันได้รักษาอาการหายแล้วทั้ง 4 คน อยู่ระหว่างกักตัวดูอาการต่ออีก 14
วันที่โรงพยาบาลงาว จึงจะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
แต่ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะรักษาหายทั้งหมดแล้ว
จ.ลำปางก็ยังคงต้องรักษามาตรฐานในการป้องกันและเฝ้าระวังเชื้อไวรัสตัวนี้อย่างเคร่งครัดต่อไป
โดยที่ผ่านมา จ.ลำปาง
ได้รับความร่วมมือจากประชาชนและสามารถปฏิบัติการตามมาตรการได้อย่างดีเยี่ยม
ทำให้ไม่มีผู้ป่วยเพิ่ม
สำหรับกรณีของผู้ป่วยติดเชื้อ
4 ราย ได้ส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเกาะคา 1 ราย
ซึ่งเป็นเคสที่หนักที่สุดเลยก็ว่าได้
ในเคสนี้ทางการแพทย์ถอดใจตั้งแต่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการหอบ เนื่องมาจากอายุมาก
เอ็กซเรย์ปอดดู พบน้ำทั้งปอด และมองไม่เห็นโอกาสเลย สสจ.ได้มีนโยบายสั่งเลยว่าเคสนี้ห้ามเสียชีวิต
จึงตัดสินใจให้ยาต้านไวรัสเต็มที่
หมอและพยาบาลที่โรงพยาบาลเกาะคาได้ทำงานกันอย่างสุดความสามารถ
จนสุดท้ายคุณป้าหาย เป็นเรื่องที่โชคดีมาก
จึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าโรงพยาบาลเกาะคา
เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความพร้อมในการตั้งรับกับผู้ป่วยโควิด-19 ขณะเดียวกันโรงพยาบาลลำปาง
ที่เป็นโรงพยาบาลจังหวัดขนาด 800 เตียง
ซึ่งดูแลผู้ป่วยในโรคที่ซับซ้อนได้ดีมาก เช่น โรคหัวใจ ที่มีแพทย์เชี่ยวชาญ มีเครื่องมือพร้อม
ถ้าเราใช้พื้นที่ของโรงพยาบาลลำปาง
รับคนไข้โควิดก็จะมีความเสี่ยงมากกับผู้ป่วยโรคอื่นๆ
ผู้ป่วยโรคอื่นก็จะไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดได้
เป็นเหตุผลและความจำเป็นที่เลือกยุทธศาสตร์การสู้รบกับโควิดไว้ที่โรงพยาบาลเกาะคาแห่งนี้
นายแพทย์สาธารณสุขลำปาง
กล่าวต่อไปว่า
หลายคนอาจจะมองว่าการเตรียมการที่เตรียมไว้สำหรับสถานการณ์ประเทศไทยตอนนี้
ดูเหมือนจะมากไปหรือไม่
แต่อย่าลืมว่าเราต้องผ่านช่วงวิกฤตอีก 1 ช่วง
คือโรคที่มากับฤดูฝนและฤดูหนาว ถ้าสังเกตยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จะเห็นว่าในแถบเอเชียจะเริ่มลดลง แต่จะไปเพิ่มขึ้นทางยุโรป
เนื่องจากภูมิอากาศที่แตกต่างกัน
ซึ่งช่วงฝนนี้เราอาจจะต้องเจอกับโรคไข้หวัด ไข้เลือดออก ไข้ซิการ์ ถ้าวันนี้เราเริ่มปรับตัวช่วงฤดูกาลเปลี่ยนก็จะตั้งรับกับไวรัสเหล่านี้ได้
ประกอบกับภาคเศรษฐกิจก็ต้องการขับเคลื่อน การเดินทางก็จะเริ่มขึ้น
คนไทยจะเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด กลับภูมิลำเนา
ส่วนชาวต่างชาติก็จะเดินทางเข้ามาทำธุรกิจ และท่องเที่ยวในประเทศไทย ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องเจอกับวิกฤตในช่วงฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างน้อย
10-12
เดือน
ไทยจึงยังคงมีความเสี่ยงที่จะต้องเจอกับโควิด-19 ได้อีกในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว
เราต้องเฝ้าระวังอีก1 ปี
จึงต้องเตรียมการไว้ในระดับที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดก่อน
ถ้าสถานการณ์ไม่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นบุญของสังคมและประเทศไทย
แต่ถ้าเกิดเราจะสามารถรับมือได้
จึงต้องทุ่มทรัพยากรที่มีทั้งหมด โดยเตรียมตึกผู้ป่วย เตรียมห้องแยกโรค
เนกาทีฟเพรชเชอร์ เพิ่มขึ้นให้กับโรงพยาบาลเกาะคา และโรงพยาบาลสนาม
เพื่อเตรียมการจะสู้กับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เราจะสบายใจได้ก็ต่อเมื่อผลการทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
สำเร็จ
จึงขอให้ชาวลำปางทุกคนสู้ร่วมกัน
นายแพทย์ประเสริฐ กล่าว.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น