วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สสจ.เผยตั้งโรงพยาบาลเกาะคาเป็นสมรภูมิรบโควิด-19 ระบุยังต้องต่อสู้ไปอีกอย่างน้อย 1 ปี อย่าชะล่าใจ ต้องเตรียมรับมือเข้มกับโรคติดต่อที่มากับฝนและหนาวนี้ ช่วงอากาศเปลี่ยนน่ากลัวที่สุด

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับกับสถานการณ์โควิด-19 จ.ลำปางว่า จากที่ จ.ลำปางพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 4 ราย ซึ่งเป็นในครอบครัวเดียวกันทั้งหมด เป็นราษฎรในพื้นที่ อ.งาว จ.ลำปาง ปัจจุบันได้รักษาอาการหายแล้วทั้ง 4 คน อยู่ระหว่างกักตัวดูอาการต่ออีก 14 วันที่โรงพยาบาลงาว จึงจะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะรักษาหายทั้งหมดแล้ว  จ.ลำปางก็ยังคงต้องรักษามาตรฐานในการป้องกันและเฝ้าระวังเชื้อไวรัสตัวนี้อย่างเคร่งครัดต่อไป โดยที่ผ่านมา จ.ลำปาง ได้รับความร่วมมือจากประชาชนและสามารถปฏิบัติการตามมาตรการได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ไม่มีผู้ป่วยเพิ่ม
 

สำหรับกรณีของผู้ป่วยติดเชื้อ 4 ราย ได้ส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเกาะคา 1 ราย ซึ่งเป็นเคสที่หนักที่สุดเลยก็ว่าได้  ในเคสนี้ทางการแพทย์ถอดใจตั้งแต่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการหอบ เนื่องมาจากอายุมาก เอ็กซเรย์ปอดดู พบน้ำทั้งปอด และมองไม่เห็นโอกาสเลย  สสจ.ได้มีนโยบายสั่งเลยว่าเคสนี้ห้ามเสียชีวิต จึงตัดสินใจให้ยาต้านไวรัสเต็มที่  หมอและพยาบาลที่โรงพยาบาลเกาะคาได้ทำงานกันอย่างสุดความสามารถ จนสุดท้ายคุณป้าหาย เป็นเรื่องที่โชคดีมาก  จึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าโรงพยาบาลเกาะคา เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความพร้อมในการตั้งรับกับผู้ป่วยโควิด-19  ขณะเดียวกันโรงพยาบาลลำปาง ที่เป็นโรงพยาบาลจังหวัดขนาด 800 เตียง ซึ่งดูแลผู้ป่วยในโรคที่ซับซ้อนได้ดีมาก เช่น โรคหัวใจ ที่มีแพทย์เชี่ยวชาญ มีเครื่องมือพร้อม ถ้าเราใช้พื้นที่ของโรงพยาบาลลำปาง รับคนไข้โควิดก็จะมีความเสี่ยงมากกับผู้ป่วยโรคอื่นๆ  ผู้ป่วยโรคอื่นก็จะไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดได้ เป็นเหตุผลและความจำเป็นที่เลือกยุทธศาสตร์การสู้รบกับโควิดไว้ที่โรงพยาบาลเกาะคาแห่งนี้

 

นายแพทย์สาธารณสุขลำปาง กล่าวต่อไปว่า หลายคนอาจจะมองว่าการเตรียมการที่เตรียมไว้สำหรับสถานการณ์ประเทศไทยตอนนี้ ดูเหมือนจะมากไปหรือไม่  แต่อย่าลืมว่าเราต้องผ่านช่วงวิกฤตอีก 1 ช่วง คือโรคที่มากับฤดูฝนและฤดูหนาว ถ้าสังเกตยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จะเห็นว่าในแถบเอเชียจะเริ่มลดลง แต่จะไปเพิ่มขึ้นทางยุโรป เนื่องจากภูมิอากาศที่แตกต่างกัน  ซึ่งช่วงฝนนี้เราอาจจะต้องเจอกับโรคไข้หวัด ไข้เลือดออก ไข้ซิการ์  ถ้าวันนี้เราเริ่มปรับตัวช่วงฤดูกาลเปลี่ยนก็จะตั้งรับกับไวรัสเหล่านี้ได้ 

 

ประกอบกับภาคเศรษฐกิจก็ต้องการขับเคลื่อน การเดินทางก็จะเริ่มขึ้น คนไทยจะเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด กลับภูมิลำเนา  ส่วนชาวต่างชาติก็จะเดินทางเข้ามาทำธุรกิจ และท่องเที่ยวในประเทศไทย  ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องเจอกับวิกฤตในช่วงฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างน้อย 10-12 เดือน   ไทยจึงยังคงมีความเสี่ยงที่จะต้องเจอกับโควิด-19 ได้อีกในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว เราต้องเฝ้าระวังอีก1 ปี จึงต้องเตรียมการไว้ในระดับที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดก่อน  ถ้าสถานการณ์ไม่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นบุญของสังคมและประเทศไทย แต่ถ้าเกิดเราจะสามารถรับมือได้   จึงต้องทุ่มทรัพยากรที่มีทั้งหมด โดยเตรียมตึกผู้ป่วย เตรียมห้องแยกโรค เนกาทีฟเพรชเชอร์ เพิ่มขึ้นให้กับโรงพยาบาลเกาะคา และโรงพยาบาลสนาม  เพื่อเตรียมการจะสู้กับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ  เราจะสบายใจได้ก็ต่อเมื่อผลการทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำเร็จ  จึงขอให้ชาวลำปางทุกคนสู้ร่วมกัน  นายแพทย์ประเสริฐ กล่าว.

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์