หลังจากพาออกนอกถิ่นรถม้าไปหลายสัปดาห์
ระหว่างนี้เห็นว่าฝนตกบ่อยๆ ไม่อยากให้คนชอบเที่ยวรู้สึกเบื่อหน่ายสายฝนที่โปรยปรายลงมาซะก่อน
เพราะถึงแม้จะเฉอะแฉะไปบ้าง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าให้เม็ดฝนเหล่านี้มอบความเย็นฉ่ำชื่นชื่นตาได้ไม่น้อยกว่าซีซั่นอื่นๆ
โดยเฉพาะความสดชื่นของธรรมชาติรอบๆ ตัวเรา ดูๆ ไปฤดูฝนนี้ช่วยเสริมเติมแต่งให้การเดินท่องเที่ยวมีเสน่ห์ได้ไม่เบา
และแน่นอนว่า ททท. สำนักงานลำปาง ก็ไม่พลาดจัดทำลิสต์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของเมือง
"ลำปาง" เป็นไกด์ไลน์ให้นักท่องเที่ยวไว้เป็นตัวเลือกในการมาเยือนไว้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการมาเที่ยวแบบยกแก๊งค์เพื่อน,
ออนทัวร์แบบครอบครัว และแบบกุมมือคนพิเศษ....
เริ่มต้นที่ "หล่มภูเขียว"
เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว จังหวัดลำปาง
มีลักษณะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่เนื้อที่ราว 1-2 ไร่
เป็นแหล่งน้ำอยู่บนเขามีลักษณะคล้ายปล่องภูเขาไฟ
น้ำในแอ่งลึกมากจนมองเห็นเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม แต่ความลึกนั้นไม่สามารถระบุได้
สันนิษฐานว่าแอ่งแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกในสมัยดึกดำบรรพ์
หรืออาจเกิดจากการยุบตัวของหินปูนซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อน แล้วจมลงใต้น้ำ
เรียกว่าหลุมยุบ (Sink Hole) ต่อมาจึงกลายเป็นแหล่งรับน้ำ
และในแอ่งน้ำนั้นมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ธรรมชาติโดยรอบหล่มภูเขียวเป็นป่าดิบแล้ง มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้ที่พบสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งแรกคือชาวบ้านที่เดินป่าเข้ามาพบแหล่งน้ำสีเขียวมรกตอยู่ภายใต้หุบเขาดังกล่าว จึงเรียกชื่อว่า "หล่มภูเขียว" ส่วนหุบเขาอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกันแต่ไม่มีน้ำ เรียกว่า "หล่มแล้ง"
ชาวบ้านเชื่อว่าหล่มภูเขียวเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
มีพญางูใหญ่อาศัยอยู่ จึงได้ทำพิธีบูชาน้ำเป็นประจำทุกปี
โดยมีเรื่องเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่าสมัยก่อนชาวบ้านจะนำขันข้าวพร้อมดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หล่มภูเขียว
โดยนำเครื่องบูชาไปวางบนขอนไม้และลอยไปกลางลำน้ำเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบึงน้ำ
และได้เกิดปรากฏการณ์ขอนไม้จมลงไปใต้น้ำแล้วลอยขึ้นมาโดยที่เทียนยังไม่ดับ
จึงเกิดความเชื่อว่าแหล่งน้ำนี้เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
ชาวบ้านจึงนำน้ำจากหล่มภูเขียวมาใช้ดื่มกินและอธิษฐานขอให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บและนำไปใช้ในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านตามความเชื่อสืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน
นักท่องเที่ยวที่สนใจอยากใกล้ชิดกับช้างพร้อมชมความเขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
ต้องมาที่ "ศูนย์ฝึกอนุรักษ์ช้างไทย" ตั้งอยู่ที่ ต.เวียงตาล
อ.ห้างฉัตร
ยิ่งในช่วงฤดูฝนจัดได้ว่าเป็นช่วงแห่งความอุดมสมบูรณ์ของป่าและพรรณไม้ต่างๆ
การนั่งหลังช้าง
ขี่ช้างจึงกลายเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งสำหรับใครที่มาเยือนศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
นอกจากจะได้สัมผัสกับความชุ่นฉ่ำของธรรมชาติ แล้วยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของช้างไทย
โดยภายในศูนย์ฝึกอนุรักษ์ช้างไทยแห่งนี้ ยังมีกิจกรรมต่างๆ
อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นชมการแสดงของช้าง การให้อาหารช้าง
หรือเพิ่มความใกล้ชิดโดยการพาช้างไปอาบน้ำ
และนอกจากนี้ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยยังมีโปรแกรมฝึกเป็นควาญช้างสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอีกด้วย
ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นชาวไทยและชาวต่างชาติ
มาเที่ยวที่นี่นอกจากจะได้ดูช้างน่ารักแล้ว
ยังมี “สวนป่าทุ่งเกวียน” ที่เป็นป่าสนเมืองหนาวและป่าพันธุ์ไม้นานาชนิด
ภายในมี “สวนสัตว์เปิด” ให้ได้เที่ยวชมสัตว์หายาก
เช่น เนื้อทราย, เก้ง, กวาง, นกยูง เป็นต้น
หรือจะเลือกออกเดินทางไปยัง อ.เมืองปาน
เพราะที่นี่นอกจากจะมี "บ่อน้ำแร่ร้อนแจ้ซ้อน"
ธารน้ำแร่ธรรมชาติจำนวน 9 บ่อ ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 70 องศาเซลเซียส จึงมีกิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวคือ “การลวกไข่” แล้ว ยังมีโขดหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
และธารน้ำที่มีไอระเหย อีกทั้งในระยะทางห่างกัน 1 กิโลเมตร
ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวต่อยัง “น้ำตกแจ้ซ้อน” ได้อีกด้วย
และถึงแม้ว่ากิจกรรมส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนอย่าง "แจ้ห่มฟินน์
ถิ่นปูนา" จะผ่านไปแล้ว แต่นักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียดาย เพราะยังสามารถฟินน์กับท้องทุ่งท้องนาเขียวขจีไปสุดหล้าฟ้าใส
เดินไต่ไปตามคันนาหามุมเด็ดยกกล้องขึ้นถ่ายรูปแล้วเช็คอินท์ให้เพื่อนๆ ได้ตาร้อนขำๆ
กันไป เสร็จแล้วค่อยเปลี่ยนไปชมแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมล้ำค่าอย่าง “พระพุทธรูปไม้สัก”
ขนาดความยาว 12 ศอก 20 นิ้ว โดยสล่าเมืองหละปูน
ณ “วัดผาแดงหลวง” ชมเงาพระธาตุกลับหัววัดอักโขชัยคีรี
วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส เป็นการปิดทริป "ฝ่าเม็ดฝนยลเมืองรถม้า" แบบอิ่มเอมในหัวจิตหัวใจ
มีเรี่ยวแรงไว้ต่อสู้กับอุปสรรคต่อไป
กอบแก้ว แผนสท้าน...เรื่อง
ททท.สำนักงานลำปาง...ข้อมูล/ภาพ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น