วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2563

ตะลุยสายฝนยลธรรมชาติ@ลำปาง


จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์


หลังจากพาออกนอกถิ่นรถม้าไปหลายสัปดาห์ ระหว่างนี้เห็นว่าฝนตกบ่อยๆ ไม่อยากให้คนชอบเที่ยวรู้สึกเบื่อหน่ายสายฝนที่โปรยปรายลงมาซะก่อน เพราะถึงแม้จะเฉอะแฉะไปบ้าง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าให้เม็ดฝนเหล่านี้มอบความเย็นฉ่ำชื่นชื่นตาได้ไม่น้อยกว่าซีซั่นอื่นๆ โดยเฉพาะความสดชื่นของธรรมชาติรอบๆ ตัวเรา ดูๆ ไปฤดูฝนนี้ช่วยเสริมเติมแต่งให้การเดินท่องเที่ยวมีเสน่ห์ได้ไม่เบา

 

และแน่นอนว่า ททท. สำนักงานลำปาง ก็ไม่พลาดจัดทำลิสต์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของเมือง "ลำปาง" เป็นไกด์ไลน์ให้นักท่องเที่ยวไว้เป็นตัวเลือกในการมาเยือนไว้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการมาเที่ยวแบบยกแก๊งค์เพื่อน, ออนทัวร์แบบครอบครัว และแบบกุมมือคนพิเศษ....



           

เริ่มต้นที่ "หล่มภูเขียว" เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว จังหวัดลำปาง มีลักษณะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่เนื้อที่ราว 1-2 ไร่ เป็นแหล่งน้ำอยู่บนเขามีลักษณะคล้ายปล่องภูเขาไฟ น้ำในแอ่งลึกมากจนมองเห็นเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม แต่ความลึกนั้นไม่สามารถระบุได้ สันนิษฐานว่าแอ่งแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกในสมัยดึกดำบรรพ์ หรืออาจเกิดจากการยุบตัวของหินปูนซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อน แล้วจมลงใต้น้ำ เรียกว่าหลุมยุบ (Sink Hole) ต่อมาจึงกลายเป็นแหล่งรับน้ำ และในแอ่งน้ำนั้นมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

ธรรมชาติโดยรอบหล่มภูเขียวเป็นป่าดิบแล้ง มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้ที่พบสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งแรกคือชาวบ้านที่เดินป่าเข้ามาพบแหล่งน้ำสีเขียวมรกตอยู่ภายใต้หุบเขาดังกล่าว จึงเรียกชื่อว่า "หล่มภูเขียว" ส่วนหุบเขาอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกันแต่ไม่มีน้ำ เรียกว่า "หล่มแล้ง"

           

ชาวบ้านเชื่อว่าหล่มภูเขียวเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีพญางูใหญ่อาศัยอยู่ จึงได้ทำพิธีบูชาน้ำเป็นประจำทุกปี โดยมีเรื่องเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่าสมัยก่อนชาวบ้านจะนำขันข้าวพร้อมดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หล่มภูเขียว โดยนำเครื่องบูชาไปวางบนขอนไม้และลอยไปกลางลำน้ำเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบึงน้ำ และได้เกิดปรากฏการณ์ขอนไม้จมลงไปใต้น้ำแล้วลอยขึ้นมาโดยที่เทียนยังไม่ดับ จึงเกิดความเชื่อว่าแหล่งน้ำนี้เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านจึงนำน้ำจากหล่มภูเขียวมาใช้ดื่มกินและอธิษฐานขอให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บและนำไปใช้ในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านตามความเชื่อสืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน

           

 

นักท่องเที่ยวที่สนใจอยากใกล้ชิดกับช้างพร้อมชมความเขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ต้องมาที่ "ศูนย์ฝึกอนุรักษ์ช้างไทย" ตั้งอยู่ที่ ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร ยิ่งในช่วงฤดูฝนจัดได้ว่าเป็นช่วงแห่งความอุดมสมบูรณ์ของป่าและพรรณไม้ต่างๆ การนั่งหลังช้าง ขี่ช้างจึงกลายเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งสำหรับใครที่มาเยือนศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย นอกจากจะได้สัมผัสกับความชุ่นฉ่ำของธรรมชาติ แล้วยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของช้างไทย โดยภายในศูนย์ฝึกอนุรักษ์ช้างไทยแห่งนี้ ยังมีกิจกรรมต่างๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นชมการแสดงของช้าง การให้อาหารช้าง หรือเพิ่มความใกล้ชิดโดยการพาช้างไปอาบน้ำ และนอกจากนี้ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยยังมีโปรแกรมฝึกเป็นควาญช้างสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอีกด้วย ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นชาวไทยและชาวต่างชาติ

           

มาเที่ยวที่นี่นอกจากจะได้ดูช้างน่ารักแล้ว ยังมี สวนป่าทุ่งเกวียนที่เป็นป่าสนเมืองหนาวและป่าพันธุ์ไม้นานาชนิด ภายในมี สวนสัตว์เปิดให้ได้เที่ยวชมสัตว์หายาก เช่น เนื้อทราย, เก้ง, กวาง, นกยูง เป็นต้น

หรือจะเลือกออกเดินทางไปยัง อ.เมืองปาน  เพราะที่นี่นอกจากจะมี "บ่อน้ำแร่ร้อนแจ้ซ้อน" ธารน้ำแร่ธรรมชาติจำนวน 9 บ่อ ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 70 องศาเซลเซียส จึงมีกิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวคือ การลวกไข่แล้ว ยังมีโขดหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และธารน้ำที่มีไอระเหย อีกทั้งในระยะทางห่างกัน 1 กิโลเมตร ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวต่อยัง น้ำตกแจ้ซ้อนได้อีกด้วย


และถึงแม้ว่ากิจกรรมส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนอย่าง "แจ้ห่มฟินน์ ถิ่นปูนา" จะผ่านไปแล้ว แต่นักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียดาย เพราะยังสามารถฟินน์กับท้องทุ่งท้องนาเขียวขจีไปสุดหล้าฟ้าใส เดินไต่ไปตามคันนาหามุมเด็ดยกกล้องขึ้นถ่ายรูปแล้วเช็คอินท์ให้เพื่อนๆ ได้ตาร้อนขำๆ กันไป เสร็จแล้วค่อยเปลี่ยนไปชมแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมล้ำค่าอย่าง “พระพุทธรูปไม้สัก” ขนาดความยาว 12 ศอก 20 นิ้ว โดยสล่าเมืองหละปูน ณ “วัดผาแดงหลวง” ชมเงาพระธาตุกลับหัววัดอักโขชัยคีรี วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส เป็นการปิดทริป "ฝ่าเม็ดฝนยลเมืองรถม้า" แบบอิ่มเอมในหัวจิตหัวใจ มีเรี่ยวแรงไว้ต่อสู้กับอุปสรรคต่อไป

 


กอบแก้ว แผนสท้าน...เรื่อง

ททท.สำนักงานลำปาง...ข้อมูล/ภาพ

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์