ครบรอบ 4 ปีวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย
รวมทั้งแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทรวงวัฒนธรรม
(วธ.) จัดงาน “ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” ระหว่างวันที่ 12-18 ตุลาคม2563 โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
เป็นประธานเปิด พร้อมด้วย นายอิทธิพล คุณปลื้ม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
ผู้บริหารสยามพารากอน ร่วมงาน ณ ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น 2
ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันก่อน
นายวิษณุ เครืองาม กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตรทรงปกครองประเทศชาติและประชาชนด้วยทศพิธราชธรรม
ทรงทุ่มเทกำลังพระวรกายและกำลังพระราชหฤทัยในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความกินดีอยู่ดีคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่อาณาประชาราษฎร์และความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนของประเทศชาติพระองค์ทรงงานด้วยหลักการ"เข้าใจ
เข้าถึง พัฒนา"
รวมทั้งได้พระราชทานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นแนวทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริหลากหลายสาขากว่า
4,000 โครงการ ก่อเกิดเป็นศาสตร์แห่งพระราชา นอกจากนี้
พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทในวาระโอกาสต่างๆ
คือปรัชญาคำสอนและคติธรรมที่พระองค์ทรงปรารถนาให้ชาวไทยตั้งมั่นอยู่ในความดีงาม
ความพอดี ความพอเพียง รักษาไว้ ซึ่งความเป็นชาติอารยะ
“ในหลวง
รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นเอตทัคคะทั้งศาสตร์และศิลป์หลายแขนงทรงเป็นทั้งปราชญ์และครูแห่งแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่
ทรงเป็นกษัตริย์นักคิดและนักพัฒนาพระอัจฉริยภาพป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาและประทับใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ทรงได้รับการทูลเกล้าถวายพระราชสมัญญาหลายด้าน เช่น“อัครศิลปิน",
"พระบิดาแห่งการอนุรักษ์มรดกไทย," "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย",
"พระบิดาแห่งฝนหลวง", "พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย",
"พระบิดาแห่งการวิจัยไทย" เป็นต้น ที่สำคัญยิ่ง คือ
องค์การสหประชาชาติได้น้อมเกล้าฯ ถวายรางวัล "ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์"
และ ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา
"พระมหากษัตริย์นักพัฒนา"
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติได้เสด็จสู่สวรรคาลัย วันที่13 ตุลาคม พ.ศ.2559
นับเป็นวันที่พสกนิกรชาวไทยต่างโศกเศร้าอาลัย เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต
ชาวไทยล้วนมีจิตใจตั้งมั่นเพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
จะขอสืบสานพระราชปณิธาน จะยึดมั่นในกาปฏิบัติดี
รักษาชาติบ้านเมืองและสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ“ นายวิษณุกล่าว
สำหรับงาน “ธสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” ได้เผยแพร่พระราชประวัติ
พระราชกรณียกิจ พระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้เด็กเยาวชนและประชาชนได้ศึกษาเรียนรู้ตามรอยศาสตร์พระราชา
และปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาท
อีกทั้งเป็นการร่วมแสดงพลังความรักความสามัคคีและความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการ
“ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ร.9 แบ่งเป็น 6 โซนได้แก่ โซนที่
1
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ, โซนที่ 2 อัครศิลปิน จัดแสดงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ชื่อหลานตา,
เทพธิดาขมิ้นป่า, พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม,
แตรหลวง, สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ, ขอถวายพระพร, ในอ้อมอกแม่และยิ้มรับเสด็จและภาพวาดฝีพระหัตถ์ หนังสือพระราชนิพนธ์เรื่อง“ทองแดง”, “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ” และ ”ติโต“ รวมถึงโน้ตดนตรีพระราชนิพนธ์บทเพลงยิ้มสู้,
ยามค่ำ, อาทิตย์อับแสงโซนนี้ยังมีไฮไลท์คือการจัดแสดงภาพวาดฝีพระหัตถ์องค์จริงที่หาชมได้ยาก
ถัดมา โซนที่ 3 จัดแสดงเพลงพระราชนิพนธ์ ทุกคนร่วมกิจกรรมได้มาฟังเพลงผ่านเทคนิคซาวด์โดม(Sound Dome
System) จำนวน 48 บทเพลง เช่นแสงเทียน,ยามเย็น,สายฝน,ใกล้รุ่ง,ชะตาชีวิต,Oh I say,Still on my mind ฯลฯ
โซนที่4 นิทรรศการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโครงการในพระราชดำริ
จัดแสดงในระบบinfographic touch screen เพลิดเพลินกับการเรียนรู้โครงการฝนหลวงรู้ถึงจุดเริ่มต้นฝนหลวงเมื่อในหลวง
ร.9 เสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกรภาคอีสาน15
จังหวัด เมื่อปี 2498 ทรงทราบปัญหาขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้
น้ำทำเกษตร แห้งแล้งรุนแรง ด้วยพระอัจฉริยะภาพเกิดโครงการฝนหลวง
หลักการดัดแปลงสภาพอากาศเลียนแบบธรรมชาติให้เกิดฝน ใช้หลักการวิทยาศาสตร์
เรียกง่ายๆ การโจมตีแบบแซนด์วิช สายฝนจากฟ้าไหลสู่ปวงประชา
ประโยชน์นอกจากเกษตรช่วยเสริมสร้างคมนาคมทางน้ำและดับไฟป่า
ฝนหลวงเหมือนพรจากฟ้าคลายทุกข์ประชาชน นอกจากนี้
ยังมีโครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างโครงการแกล้งดิน
หยิบเรื่องราวศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพรราชดำริ จ.นราธิวาส
ทรงทดลองจนสามารถแก้ดินเปรี้ยวรุนแรงได้ โดยทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกัน
จนสามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้
พระเมตตายังแผ่ไพศาลผ่านโครงการหลวงพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเขาโครงการหลวงพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเขาจุดเริ่มต้นทอดพระเนตรความเป็นอยู่ชาวเขาบ้านดอยปุยเชียงใหม่ปี2512 พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งโครงการหลวงพัฒนาเกษตรบนที่สูงหยุดปลูกฝิ่นช่วยให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นตามแนวพระราชดำริ‘ให้เขาช่วยตัวเอง’ โดยโครงการหลวงอ่างขางเป็นแห่งแรก
อีกคอนเทนด์สำคัญมาร่วมตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รู้จักเกษตรทฤษฎีใหม่แนวพระราชดำริ ร.9 คิดค้นขึ้น ทรงแนะนำการบริหารจัดการที่ดินและแหล่งน้ำของเกษตรกรทำให้มีอาหารกินตลอดปี
พึ่งพาตัวเองได้ ลดรายจ่าย
สร้างภูมิคุ้มกัน ส่วน 3
ขั้นตอนเกษตรทฤษฎีใหม่มีอะไรบ้างมาเรียนรู้ที่นิทรรศการนี้ได้
แล้วยังมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการแพทย์โครงการแรกปี2512 เสด็จไปเยี่ยมเยียนชาวเขาทรงพบว่าราษฎรที่มารอรับเสด็จฯ
เจ็บป่วยมากเดินทางยากลำบากโปรดเกล้าฯให้คณะแพทย์ที่ตามเสด็จฯ
ตรวจรักษาฟรีมีอบรมหมอหมู่บ้านนั้นๆ
อบรมชาวบ้านรู้จักติดต่อหน่วยราชการเมื่อเจ็บป่วย
ช่วยแก้ปัญหาสุขภาพอนามัยและเศรษฐกิจของชาติด้วย
โซนที่5 ชวนคนไทยตั้งปณิธานตามรอยเท้าพ่อ จัดแสดงในระบบ
write
digital on cloud ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เขียนปณิธานการทำความดีสืบสานคำสอนของในหลวง
รัชกาลที่9 “พ่อของแผ่นดิน”
และโซนที่ 6
เวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรม ได้แก่
การขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์
โดยศิลปินรับเชิญและการประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์แบ่งเป็นรุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน12 ปีและรุ่นเยาวชนอายุ 13-18 ปีรางวัลชนะเลิศ 5,000 บาท พร้อมเกียรติบัตรจาก วธ.
เชิญชวนคนไทยร่วมงาน
นอกจากนี้ จะได้รับของที่ระลึก
ภาพถ่ายระลึกเนื่องในนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่9 และหนังสือทศรัชบรมราชจักรีวงศ์
หนังสือศาสตร์พระราชาภาพถ่ายแสงและเงา มีจำนวนจำกัด
กอบแก้ว แผนสท้าน...เรื่อง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น