วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ครบ 4 ปี เสด็จสวรรคต “ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์”


















จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

 

ครบรอบ 4 ปีวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย รวมทั้งแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จัดงาน ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์  ระหว่างวันที่ 12-18 ตุลาคม2563 โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด พร้อมด้วย นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารสยามพารากอน ร่วมงาน ณ ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันก่อน


     

นายวิษณุ เครืองาม  กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงปกครองประเทศชาติและประชาชนด้วยทศพิธราชธรรม ทรงทุ่มเทกำลังพระวรกายและกำลังพระราชหฤทัยในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความกินดีอยู่ดีคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่อาณาประชาราษฎร์และความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนของประเทศชาติพระองค์ทรงงานด้วยหลักการ"เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" รวมทั้งได้พระราชทานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นแนวทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริหลากหลายสาขากว่า 4,000 โครงการ ก่อเกิดเป็นศาสตร์แห่งพระราชา นอกจากนี้ พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทในวาระโอกาสต่างๆ คือปรัชญาคำสอนและคติธรรมที่พระองค์ทรงปรารถนาให้ชาวไทยตั้งมั่นอยู่ในความดีงาม ความพอดี ความพอเพียง รักษาไว้ ซึ่งความเป็นชาติอารยะ

 


ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นเอตทัคคะทั้งศาสตร์และศิลป์หลายแขนงทรงเป็นทั้งปราชญ์และครูแห่งแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นกษัตริย์นักคิดและนักพัฒนาพระอัจฉริยภาพป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาและประทับใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทรงได้รับการทูลเกล้าถวายพระราชสมัญญาหลายด้าน เช่นอัครศิลปิน", "พระบิดาแห่งการอนุรักษ์มรดกไทย," "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย", "พระบิดาแห่งฝนหลวง", "พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย", "พระบิดาแห่งการวิจัยไทย" เป็นต้น ที่สำคัญยิ่ง คือ องค์การสหประชาชาติได้น้อมเกล้าฯ ถวายรางวัล "ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์" และ ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา

 


"พระมหากษัตริย์นักพัฒนา" พระมหากษัตริย์ผู้ทรงป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติได้เสด็จสู่สวรรคาลัย วันที่13 ตุลาคม พ.ศ.2559 นับเป็นวันที่พสกนิกรชาวไทยต่างโศกเศร้าอาลัย เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ชาวไทยล้วนมีจิตใจตั้งมั่นเพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ จะขอสืบสานพระราชปณิธาน จะยึดมั่นในกาปฏิบัติดี รักษาชาติบ้านเมืองและสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่ประเทศชาตินายวิษณุกล่าว

 


สำหรับงาน ธสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ได้เผยแพร่พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ พระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้เด็กเยาวชนและประชาชนได้ศึกษาเรียนรู้ตามรอยศาสตร์พระราชา และปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาท อีกทั้งเป็นการร่วมแสดงพลังความรักความสามัคคีและความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

 

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการ ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร.9 แบ่งเป็น 6 โซนได้แก่ โซนที่ 1 น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ, โซนที่ 2 อัครศิลปิน จัดแสดงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ชื่อหลานตา, เทพธิดาขมิ้นป่า, พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม, แตรหลวง, สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ, ขอถวายพระพร, ในอ้อมอกแม่และยิ้มรับเสด็จและภาพวาดฝีพระหัตถ์  หนังสือพระราชนิพนธ์เรื่องทองแดง”, “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ” และ ติโตรวมถึงโน้ตดนตรีพระราชนิพนธ์บทเพลงยิ้มสู้, ยามค่ำ, อาทิตย์อับแสงโซนนี้ยังมีไฮไลท์คือการจัดแสดงภาพวาดฝีพระหัตถ์องค์จริงที่หาชมได้ยาก ถัดมา โซนที่ 3 จัดแสดงเพลงพระราชนิพนธ์ ทุกคนร่วมกิจกรรมได้มาฟังเพลงผ่านเทคนิคซาวด์โดม(Sound Dome System) จำนวน 48 บทเพลง เช่นแสงเทียน,ยามเย็น,สายฝน,ใกล้รุ่ง,ชะตาชีวิต,Oh I say,Still on my mind ฯลฯ

 


โซนที่4 นิทรรศการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโครงการในพระราชดำริ จัดแสดงในระบบinfographic touch screen เพลิดเพลินกับการเรียนรู้โครงการฝนหลวงรู้ถึงจุดเริ่มต้นฝนหลวงเมื่อในหลวง ร.9 เสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกรภาคอีสาน15 จังหวัด เมื่อปี 2498 ทรงทราบปัญหาขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ น้ำทำเกษตร แห้งแล้งรุนแรง ด้วยพระอัจฉริยะภาพเกิดโครงการฝนหลวง หลักการดัดแปลงสภาพอากาศเลียนแบบธรรมชาติให้เกิดฝน ใช้หลักการวิทยาศาสตร์ เรียกง่ายๆ การโจมตีแบบแซนด์วิช สายฝนจากฟ้าไหลสู่ปวงประชา ประโยชน์นอกจากเกษตรช่วยเสริมสร้างคมนาคมทางน้ำและดับไฟป่า ฝนหลวงเหมือนพรจากฟ้าคลายทุกข์ประชาชน นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างโครงการแกล้งดิน หยิบเรื่องราวศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพรราชดำริ จ.นราธิวาส ทรงทดลองจนสามารถแก้ดินเปรี้ยวรุนแรงได้ โดยทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกัน จนสามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้


พระเมตตายังแผ่ไพศาลผ่านโครงการหลวงพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเขาโครงการหลวงพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเขาจุดเริ่มต้นทอดพระเนตรความเป็นอยู่ชาวเขาบ้านดอยปุยเชียงใหม่ปี
2512 พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งโครงการหลวงพัฒนาเกษตรบนที่สูงหยุดปลูกฝิ่นช่วยให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นตามแนวพระราชดำริให้เขาช่วยตัวเองโดยโครงการหลวงอ่างขางเป็นแห่งแรก

 


อีกคอนเทนด์สำคัญมาร่วมตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  รู้จักเกษตรทฤษฎีใหม่แนวพระราชดำริ ร.9 คิดค้นขึ้น ทรงแนะนำการบริหารจัดการที่ดินและแหล่งน้ำของเกษตรกรทำให้มีอาหารกินตลอดปี พึ่งพาตัวเองได้  ลดรายจ่าย สร้างภูมิคุ้มกัน ส่วน 3 ขั้นตอนเกษตรทฤษฎีใหม่มีอะไรบ้างมาเรียนรู้ที่นิทรรศการนี้ได้

 

แล้วยังมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการแพทย์โครงการแรกปี2512 เสด็จไปเยี่ยมเยียนชาวเขาทรงพบว่าราษฎรที่มารอรับเสด็จฯ เจ็บป่วยมากเดินทางยากลำบากโปรดเกล้าฯให้คณะแพทย์ที่ตามเสด็จฯ ตรวจรักษาฟรีมีอบรมหมอหมู่บ้านนั้นๆ อบรมชาวบ้านรู้จักติดต่อหน่วยราชการเมื่อเจ็บป่วย ช่วยแก้ปัญหาสุขภาพอนามัยและเศรษฐกิจของชาติด้วย

 

โซนที่5 ชวนคนไทยตั้งปณิธานตามรอยเท้าพ่อ จัดแสดงในระบบ write digital on cloud ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เขียนปณิธานการทำความดีสืบสานคำสอนของในหลวง รัชกาลที่9  พ่อของแผ่นดินและโซนที่ 6 เวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ การขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ โดยศิลปินรับเชิญและการประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์แบ่งเป็นรุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน12 ปีและรุ่นเยาวชนอายุ 13-18 ปีรางวัลชนะเลิศ 5,000 บาท พร้อมเกียรติบัตรจาก วธ.

 

เชิญชวนคนไทยร่วมงาน นอกจากนี้ จะได้รับของที่ระลึก ภาพถ่ายระลึกเนื่องในนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่9  และหนังสือทศรัชบรมราชจักรีวงศ์ หนังสือศาสตร์พระราชาภาพถ่ายแสงและเงา มีจำนวนจำกัด


กอบแก้ว แผนสท้าน...เรื่อง

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์