จากกรณีที่มีนักศึกษาพยาบาล
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.ลำปาง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว
กรณีที่มหาวิทยาลัยเรียกเก็บค่าเทอมเพิ่มอีก 200,000 บาท
เพิ่มจากค่าเทอมจากเดิมที่แจ้งไว้ก่อนสมัครเข้าเรียนในปี 2562 คือตลอดหลักสูตร 520,000 บาท เป็น 720,000 บาท
ซึ่งมีการปรับขึ้นมากกว่าเดิมถึง 200,000 บาท รวมไปถึงค่าหอพัก ค่าน้ำค่าไฟ
ค่ารถรับส่งฝึกงาน
หากจ่ายช้าหรือไม่จ่ายจะมีค่าปรับ แม้จะทำเรื่องขอผ่อนผันแล้ว
และไม่สามารถลงทะเบียนเรียนได้
ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับ นักศึกษาพยาบาลคนดังกล่าว
ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2
คณะพยาบาลศาสตร์ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นชาว
จ.สุรินทร์ และมีใจรักที่จะเรียนทางด้านพยาบาล ได้เห็นการประชาสัมพันธ์หลักสูตรพยาบาลของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ซึ่งได้เปิดรับเป็นรุ่นแรกผ่านทางอินเตอร์เน็ต
จึงได้เข้าไปศึกษาดูและสนใจที่จะมาสมัครเรียน
เนื่องจากตนเป็น นศ.ซิ่วมาจากมหาวิทยาลัยอื่น เคยยื่นคะแนนเข้าสอบพยาบาลมาแล้วหลายแห่งแต่คะแนนไม่ถึง ซึ่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้สามารถสมัครเข้าเรียนได้เลย
ในตอนแรกที่เห็นค่าใช้จ่าย ก็คิดว่าสูงพอสมควรแต่ครอบครัวเข้าใจและผลักดัน
จึงตัดสินใจจากบ้านมาศึกษาอยู่ที่ จ.ลำปาง
จากเดิมในใบโฆษณา ได้ว่าเขียนไว้ว่าค่าเทอมตลอดหลักสูตร
520,000 เมื่อสอบถามว่าจะมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มอีกไหม
ได้รับคำตอบว่าไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และกู้ กยศ.เรียนได้ เท่ากับต้องจ่ายค่าเทอม เทอมละ 65,000 บาท
แต่พอเรียนไปกลับได้รับแจ้งว่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 200,000 บาท เป็นค่าแล็ปฝึกงาน ซึ่งเงินส่วนนี้ไม่รู้ว่าเอาจ่ายให้ใคร
ทำไมต้องจ่ายเงินในส่วนนี้
เคยมีเพื่อนนักศึกษาท้วงติงไปเรื่องนี้ไปแล้วตั้งแต่เรียนปี 1 ซึ่งตอนนั้นก็ได้รับการยกเว้นไป 1 ปี
และเรียนกันต่อตามปกติ แต่ปีต่อไปก็ต้องจ่ายเหมือนเดิม
ซึ่งคิดว่าทางมหาวิทยาลัยจะแจ้งให้น้องรุ่นต่อไปทราบว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ แต่ปรากฏว่าทางมหาวิทยาลัยก็ไม่แจ้ง
และทำแบบเดิมคือมาเรียกเก็บเพิ่มทีหลัง ซึ่งเรื่องนี้ตนเห็นว่าไม่ถูกต้อง เหมือนกับโดนหลอกให้มาเรียน
นักศึกษาพยาบาล ยังกล่าวอีกว่า
หลังจากที่ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กไป ทางอาจารย์และคณบดีก็ได้เรียกเข้าไปพบและสอบถามถึงเหตุผลที่โพสต์แบบนั้น
ทำไมไม่ปรึกษากับทางอาจารย์ก่อน แต่เราเคยได้เรียกร้องไปแล้ว
แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่สามารถแก้ปัญหาให้ได้
จึงยืนยันไปว่าขอทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะนักศึกษาไม่ได้รับความยุติธรรม
ซึ่งควรจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบก่อนว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนไหนบ้าง พอเราท้วงติงไปกลับอ้างว่ามีเอกสารแจ้งแล้วแต่นักศึกษาไม่อ่านเองจึงไม่รู้
ถ้ามีเอกสารแจ้งจริงเราจะต้องเห็นก่อนที่จะตัดสินใจเข้าเรียนแล้ว
“ถ้าถามว่าการทำแบบนี้กลัวผลกระทบกับตัวเองไหม
บอกตามตรงว่ากลัว ถ้าจะออกก็ขอทำสิ่งที่ถูกต้องก่อน เพราะถ้าเราไม่ทำ เรื่องแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ
รุ่นน้องต่อๆไปไม่ได้รับความยุติธรรม ตอนนี้ความรู้สึกคือไม่อยากเรียนที่นี่แล้ว
จากตอนแรกที่ตั้งใจอย่างมากที่จะมาเรียนที่นี่เพราะเห็นว่าเป็นสถาบันที่มีคุณภาพ
แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้ หากเป็นไปได้อยากจะขอให้ส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ
จะเทียบโอนย้ายไปมหาวิทยาลัยอื่นที่มีคณะเดียวกันได้หรือไม่”
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น