เมื่อวันที่
13 พ.ย. 63
นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง จ.ลำปาง ประมาณ 30 คน ได้รวมตัวกันเพื่อขอเข้าพบ ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งมหาวิทยาลัยดังกล่าว เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ทั้งนี้
เพื่อขอความเป็นธรรม กับกลุ่มนักศึกษาที่ต้องจ่ายค่าเทอมเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนกว่าบาท โดยทางมหาวิทยาลัยบอกว่าเป็นค่ารายวิชาที่ต้องจ่ายเพิ่มเติม
(ค่าแล็ป) อีก 11 หน่วย หน่วยละ 12,000 บาท
ซึ่งไม่ได้แจ้งไว้ก่อนที่จะเข้าศึกษา และเมื่อนักศึกษาไม่ชำระตามเวลาที่กำหนด
กลับมีค่าปรับวันละ 100 บาท
จึงขอให้ทางรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
โดยมี รศ.ดร.ทนพ.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษา รมว.อว. เป็นตัวแทนเข้ารับหนังสือและรับฟังปัญหาจากกลุ่มตัวแทนนักศึกษา ซึ่งหลังจากรับหนังสือร้องเรียนแล้ว รศ.ดร.ทนพ.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษา รมว.อว. เปิดเผยว่า ต้องเชิญทุกฝ่ายมาอธิบายเพื่อหาทางออกร่วมกัน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย นักศึกษาเองก็ต้องได้เรียนที่มีคุณภาพ เป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ มหาวิทยาลัยก็ต้องมีมาตรฐานในเรื่องของหลักสูตร สิ่งสำคัญต่อไปคือต้องหาทางออกร่วมกัน ซึ่งทางรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องการเรียนการสอน และมาตรฐานหลักสูตร ท่านรับทราบปัญหาและกำชับให้มารับฟังทางฝ่ายของนักศึกษาและทางฝ่ายของผู้บริหารด้วย
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ
กล่าวว่า ถ้าเรื่องของหลักสูตรไม่ได้มาตรฐานสภาวิชาชีพสามารถให้ยุติได้
เมื่อหลักสูตรทางด้านการแพทย์จะมีสภาวิชาชีพดูแลมาตรฐาน ซึ่งตอนนี้ได้รับฟังปัญหาของมหาวิทยาลัยจากทางนักศึกษาด้านเดียว
พบว่ามีหลากหลายมาก ทั้งเรื่องของโครงสร้างสถานที่ การเงิน มาตรฐานหลักสูตร เพราะฉะนั้นเรื่องทั้งหมดต้องแก้ไปทีละประเด็น
ในส่วนเรื่องของอาจารย์ใหญ่
ถ้ามหาวิทยาลัยไม่มีให้ ต้องไปขอเรียนกับมหาวิทยาลัยอื่น เช่น ม.อุบล ไม่มีอาจารย์
แต่ ม.ขอนแก่นซึ่งกำลังเปิดมีรองรับ ก็ให้นักศึกษาแพทย์จาก ม.อุบลไปเรียนวิชาเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่ที่ม.ขอนแก่น
ซึ่งขึ้นอยู่กับการทำบันทึกข้อตกลงกัน เราเคยมีประเด็นนี้ในอดีตที่ผ่านมา
ซึ่งมีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเปิดหลักสูตรที่ไม่ได้มาตรฐาน และสุดท้ายก็ต้องถูกสั่งปิดหลักสูตรไป
นักศึกษาก็ต้องถูกโอนย้ายไปอยู่มหาวิทยาลัยแห่งอื่น เด็กก็จะทั้งเสียโอกาสและได้โอกาส
คือจากที่อยากเรียนมหาวิทยาลัยที่เลือกก็ไม่ได้เรียน
แต่ก็ไม่ได้เสียโอกาสทางด้านการศึกษาไปเลย ซึ่งมีข้อดีและข้อเสีย
ต้องหาทางออกร่วมกันให้ได้ดีที่สุด รศ.ดร.ทนพ.จักษ์ กล่าว
ด้านตัวแทนนักศึกษา
กล่าวว่า หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม
และทราบว่าทางรองผู้ว่าฯ ได้เรียกอธิการบดีเข้าพบแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบอย่างเป็นทางการจากทางมหาวิทยาลัย
ซึ่งสิ่งที่ผู้ปกครองและนักศึกษาต้องการที่สุดคือการชี้แจงจากมหาวิทยาลัย
เพื่อเป็นแนวทางว่าทางนักศึกษาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หลายคนอาจมองว่าค่าเทอมเท่านี้ก็ไม่ได้ต่างจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ ซึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องจริง
แต่หากเทียบกับสิ่งที่ทางมหาวิทยาลัยได้นำเสนอก่อนเข้าเรียนแล้ว
กลับไม่มีอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นให้ เช่น อาจารย์ใหญ่ หรือบางรายวิชาต้องเรียนผ่านอินเตอร์เน็ต
ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้วถึง 12,000 บาท
แต่ทางมหาวิทยาลัยอื่นกลับมีอุปกรณ์ครบครันในรายจ่ายที่ใกล้เคียงกัน จึงทำให้ทางนักศึกษาต้องออกมาเรียกร้อง
เพราะไม่ได้ตามที่มหาวิทยาลัยโฆษณาไว้ตั้งแต่แรก เหมือนกันถูกหลอก
นักศึกษา
กล่าวอีกว่า การมายื่นหนังสือครั้งก็เพื่อเป็นการขอให้ทางท่านรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือโดยเร็ว
หลังยื่นหนังสือแล้วก็รู้สึกสบายใจและมีความหวังขึ้นมาว่าจะได้รับการช่วยเหลือ
เนื่องจากขณะนี้ใกล้ปิดภาคเรียนที่ 1
และจะต้องจ่ายค่าเทอมภาคเรียนที่ 2 แล้ว อยากทราบว่าค่าเทอมจะเป็นยอดเดิมหรือไม่
รวมถึงค่าปรับที่นักศึกษาจะต้องจ่ายวันละ 100 จะทำอย่างไร และอุปกรณ์การเรียนการสอนจะมีการปรับปรุงให้ไหม
อยากจะให้เรื่องนี้ส่งไปถึงทางนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ขอให้เห็นความสำคัญด้านการศึกษาและปัญหาของนักศึกษาช่วยเข้ามาแก้ไข
เพราะทางนักศึกษาและผู้ปกครองได้รับความเดือดร้อนจริงๆ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น