นายอำเภอเสริมงาม
จังหวัดลำปาง พร้อมกำลัง ตำรวจ กก.4 บก ปทส.และเจ้าหน้าที่ป่าไม้
สุ่มดักจับนายทุนภาคกลางที่มากว้านซื้อไม้สักท่อนอายุกว่า 100 ปี
ที่ถูกลักลอบตัดในป่าแล้วอ้างเป็นไม้ในโฉนด มาสวมทับ สุดท้าย
ทิ้งเพียงของกลางมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามผู้ต้องหาต่อไป
เมื่อวันที่
25 ธันวาคม 2563 นายนเรศวร์ฤทธิ์ อุบลศรี นายอำเภอเสริมงาม ประสานนายอนวัช
สัตตบุศย์ ปลัดจังหวัดลำปาง นำกำลังฝ่ายปกครอง อส.อ.เสริมงาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.เสริมงาม ประสานเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 3 (ลำปาง) โดยการอำนวยการสั่งการของนายสมศักดิ์ สกุลวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักฯ
นายเรวัตร เวียงทอง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ลำปาง
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ลำปาง ตำรวจ กก.4 บก.ปทส.จังหวัดลำปาง สายที่
1 นำกำลังกว่า 30 นาย กระจายตรวจสอบกองไม้สักท่อน ที่ถูกปกคลุมด้วยกอหญ้าแห้ง ซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่ป่าท้ายหมู่บ้าน
บ้านน้ำหลง หมู่ 7 ต.เสริมซ้าย อ.เสริมงาม จ.ลำปาง
เบื้องต้นพบว่าเป็นไม้สักท่อนขนาดใหญ่มากถึง 36 ท่อน
แต่ละท่อนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 100-150 เซนติเมตร สำหรับไม้สักท่อน ที่ตรวจยึดครั้งนี้ รวมจำนวน
36 ท่อน ปริมาตร 18.22 ลบ.ม. คิดค่าเสียหายภาครัฐมากถึง 1,092,00 บาท
สำหรับการเข้าตรวจยึดจับกุมครั้งนี้ ถือว่าเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ในพื้นที่
อำเภอเสริมงาม โดยก่อนหน้านี้ทาง
นายนเรศวร์ฤทธิ์ อุบลศรี นายอำเภอเสริมงาม ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มทุนจากพื้นที่ทางภาคกลาง
ได้เข้ามากว้านซื้อต้นสักที่มีขนาดใหญ่ โดยว่าจ้างชาวบ้านเข้าไปแอบลักลอบตัดในพื้นที่ต่างๆ
และจะใช้วิธีปลอมแปลงโฉนดที่ดินว่าต้นสักดังกล่าวปลูกในพื้นที่มีโฉนด
เพื่อหลีกเหลี่ยงกฎหมาย จากนั้นก็จะสวมรอยขออนุญาตขนย้ายไม้สักข้ามจังหวัด
โดยทำเป็นขบวนการ
หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่
จากหลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบมาหลายวัน และพบว่ากลุ่มทุนกลุ่มนี้ได้ นำไม้สักจำนวนดังกล่าวมากองซุกซ่อนในพื้นที่
และเตรียมจะขนย้ายขึ้นรถบรรทุก เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังสุ่มดักรอตลอดทั้งคืน แต่ไม่มาพบตัวกลุ่มมอดไม้คาดว่าไหวตัวทัน
จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดแล้วส่งดำเนินคดี
เบื้องต้นไม่พบตัวผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไม้ของกลางทั้งหมด
นำเก็บรักษาที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าในพื้นที่ อ.เสริมงาม
แล้วดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.เสริมงาม เพื่อเร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น