หลายคนบอกว่าเราต้องผ่านโควิดไปให้ได้บ้างล่ะ ขณะเดียวกันบางคนบอกว่าเราต้องชนะโควิดให้ได้บ้างล่ะ แต่โดยส่วนตัวกลับมองว่า ก่อนจะผ่านหรือชนะ วันนี้ต้องอยู่กับวิกฤติโควิด-19 ให้ได้ อย่างเรื่องท่องเที่ยว บ้างบอกว่าต้องหยุดเที่ยวเพื่อหยุดเชื้อ อันนี้ไม่เถียง แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ คุณทราบมั้ยว่า เราสามารถเที่ยวเมืองไทยผ่านโปรแกรม AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) แล้วนะเออ
ก่อนอื่นขอขยายความคำว่า
AR
หรือ Augmented Reality คือการนำเทคโนโลยีมาผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน
ด้วยการใช้ระบบซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อ โดยวัตถุเสมือนที่ว่านั้น อาจจะเป็น
ภาพ วีดิโอ เสียง ข้อมูลต่างๆ ที่ประมวลผลมาจากคอมพิวเตอร์ มือถือ
หรืออุปกรณ์สวมใส่ขนาดเล็กต่างๆ และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้
ส่วน VR หรือ Virtual Reality
คือการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง
โดยผ่านการรับรู้จากการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั้งกลิ่น โดยจะตัดขาดเราออกจากสภาพแวดล้อมปัจจุบันเพื่อเข้าไปสู่ภาพที่จำลองขึ้นมา
ขณะนี้ กรมศิลปากร
กระทรวงวัฒนธรรม ได้นำเอาโปรแกรมดังกล่าวมาใช้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์
อย่างเช่น “วัดราชบูรณะ” ซึ่งจัดว่าเป็นหนึ่งในวัดที่ใหญ่และมีความเก่าแก่มากที่สุดในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
มีอายุกว่า 500 ปี ทั้งยังนับเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกหนึ่งแห่ง
โดยภายในวัดประกอบด้วย องค์ปรางค์ประธาน ซึ่งล้อมรอบด้วยระเบียงคต
มีพระวิหารตั้งอยู่พระอุโบสถ ภายในกรุปรางค์จะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้น
แสดงถึงอิทธิพลศิลปะจีน อีกทั้งยังมีกรุมหาสมบัติอยู่ 3 กรุ
เรียงลำดับอยู่ในระดับความสูงฐานของเจดีย์อีกด้วย
เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เห็นโครงสร้างที่สมบูรณ์ของโบราณสถาน
กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้เปิดตัวการพัฒนานำเทคโนโลยี AR
(Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) มาใช้ในการนำเสนอข้อมูลมรดกวัฒนธรรม
เพื่อสร้างความน่าสนใจให้ผู้เข้าชมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเนื้อหาเป็นการสันนิษฐานจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูล
ของ ศ.เกียรติคุณ สันติ เล็กสุขุม นักประวัติศาสตร์ศิลปะ
ซึ่งการนำเสนอโดยเทคโนโลยี AR และ VR จัดทำขึ้นที่โบราณสถานภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จำนวน 11
แห่ง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จำนวน 10 แห่ง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จำนวน 9 แห่ง
และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จำนวน 6 แห่ง
นอกจากนี้ กรมศิลปากร
ยังมีการพัฒนาระบบนำชมโบราณสถานที่เป็นแหล่งเข้าถึงยากและไม่เปิดให้เข้าชม
ผ่านระบบกล้อง VR จำนวน 2 แห่ง คือ กรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และ อุโมงค์วัดศรีชุม
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งจะช่วยให้สามารถรับรู้บรรยากาศเสมือนได้เข้าชมจริง
นายประทีป เพ็งตะโก
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
นับว่าเป็นสถานที่หนึ่งในการเรียนรู้เรื่องในประวัติศาสตร์ที่สำคัญ
โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างของโบราณสถานที่มีการสันนิษฐานแผนผัง
รูปร่างหรือขนาดของตัวอาคาร รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่ใช้สร้างโบราณสถานแต่ละแห่ง
ทำให้เราสามารถที่จะสันนิษฐานให้เห็นภาพของโบราณสถานในอดีต โดยในครั้งนี้
ได้สร้างประสบการณ์การเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ด้วยการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้บริการข้อมูลความรู้ด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมสู่ประชาชน
โดยผู้เข้าชมจะสามารถเห็นรูปแบบสันนิษฐานที่ปรากฏซ้อนทับลงบนโบราณสถานจริง
ผ่านแอพพลิเคชั่น AR Smart Heritage ซึ่งผ่านกระบวนการศึกษาค้นคว้าจากนักประวัติศาสตร์ศิลปะที่เชี่ยวชาญ
ทำให้เราได้จินตนาการเห็นถึงความรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ของเมืองมรดกโลก
และจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ทางโบราณสถานอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ด้าน ศ.ดร.สันติ
เล็กสุขุม นักประวัติศาสตร์ศิลปะ ผู้สร้างรูปแบบสันนิษฐานในการจัดทำ เทคโนโลยี
AR-VR
กล่าวว่า ต้องการเชื่อมโยงเข้ากับเทคโนโลยีกับการชมโบราณสถาน
เพื่อให้คนเข้าถึงมากขึ้น และเพื่อให้โบราณสถานมีการเคลื่อนไหว หลากหลายมิติ
แต่ในการทำงานเกี่ยวกับโบราณคดีก็มีข้อจำกัดในการสันนิษฐาน
เพราะบางแห่งเหลือเพียงซากปรักหักพัง ที่ไม่สมบูรณ์ ยากจะคาดเดาโครงสร้าง
ดังนั้นในฐานะที่ตนเป็นนักประวัติศาสตร์ศิลปะมาหลายสิบปี ก็ต้องใช้องค์ความรู้ที่มีเป็นหลักสำคัญ
พร้อมกับการสำรวจรอบโบราณสถาน
เพื่อเทียบเคียงกับโบราณสถานอื่นที่อาจจะมีความใกล้เคียง
ในการสร้างรัชสมัยเดียวกัน
ส่วนข้อมูลเอกสารประวัติศาสตร์ที่นำมาสันนิษฐาน
ศ.ดร.สันติ กล่าวว่า ก็มีข้อจำกัดอีกคือ เหลืออยู่น้อยมาก และไม่ทราบแน่ชัดว่ามีข้อเท็จปนอยู่เท่าไหร่
ซึ่งอาจจะมีการผสมคำให้การของคน ที่เป็นคนพม่าให้ข้อมูลภาษาพม่า
พอมีการนำมาแปล อาจจะแปลผิดหรือถูกเกินจริงก็ไม่ทราบได้
พื้นฐานข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ศิลปะจะช่วยให้ชั่งน้ำหนักได้มากขึ้น
และอีกส่วนคือจินตนาการที่เราใส่เข้าไป คือ หากข้อมูลเหลืออยู่ 5% จินตนาการคือ 95% ส่วนเอกสารประกอบอีก 5% ทำให้โบราณสถานมีความสมบูรณ์ขึ้นมาในรูปแบบการสันนิษฐาน
“อย่างที่วัดราชบูรณะ
ที่สามารถใช้รูปแบบอิงตามพระราชวังหลวงในกรุงเทพฯ ว่ามีเดิมแล้วมีโครงสร้างอย่างไร
แต่ไม่ใช่ว่าเราจะเอารูปแบบพระราชวังหลวงมาใช้เลยไม่ได้
เพราะเป็นพระราชวังสมัยรัตนโกสินทร์ แต่วัดราชบูรณะอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
จึงต้องมีการปรับรูปแบบสถาปัตยกรรมโดยดูความพอดีของยุคสมัยว่าควรจะถอยหลังไปอีกถึงยุคสมัยไหน
อย่างหลังคายังดีที่ยังเหลือโครงสร้างบางส่วนที่ยังสามารถเอามาเป็นหลักในการสันนิษฐานหลังคา
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเกิดทันเห็น แต่เป็นเพียงรูปแบบสันนิษฐาน
ซึ่งไม่ใช่รูปแบบจริง หากจะถามอีกว่าทำไมไม่ใส่สีต่างๆ
ก็เพราะเราไม่สามารถที่จะทราบสีได้ในสมัยนั้น
และหากแต่งเติมลงไปก็อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น” นักประวัติศาสตร์ศิลปะ กล่าว
สำหรับการนำเทคโนโลยีมาใช้กับโบราณสถานจะช่วยสร้างความเสมือนจริง
สำหรับ นักประวัติศาสตร์ศิลปะ บอกว่า
ทำให้ได้เห็นความสมบูรณ์โครงสร้างของวัดราชบูรณะมากขึ้น
ทั้งพระปรางค์ประธานที่ล้อมรอบด้วยระเบียงคต พระวิหาร พระอุโบสถ
เมื่อสแกนคิวอาร์โค้ด จะทำให้เราสามารถเทียบได้กับสถานที่จริง
แต่ถึงไม่ได้อยู่ในสถานที่จริงก็สามารถเห็นรูปสแกนของวัดราชบูรณะ
ตรงส่วนนี้จะทำให้ทุกคนในทุกที่สามารถรู้สึกเหมือนได้ไปยังสถานที่จริง
ซึ่งสิ่งที่เราทำก็มีคนคัดค้านอย่างมีเหตุผล
นับว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงานด้านประวัติศาสตร์ ในการตรวจสอบเพื่อความทำให้งานมีความถูกต้องมากขึ้นอีก
เพราะตนไม่ต้องการให้เชื่อ และทุกคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้
เพราะนั้นคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนได้คิด
และจินตนาการสนุกไปกับการเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งของไทย
หลบโควิด-19 อยู่บ้าน หากเบื่อที่จะต้องนอนดู Netflix
ทั้งวันจะลองคลิกเข้าไปเที่ยวชมโบราณสถานต่างๆ ในประเทศไทย ผ่านแอพลิเคชั่น Ar
Smart Herritage เชื่อว่าจะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศอันแสนเซ็งให้มาครื้นเครงได้ดีทีเดียวล่ะ
กอบแก้ว
แผนสท้าน...เรื่อง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น