เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.วันที่ 27 ก.พ. 64 ศูนย์วิทยุ 191 ลำปาง
ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุไฟไหม้ศาลาการเปรียญ ภายในวัดชมภูหลวง เลขที่ 353 หมู่ 7 ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองเขลางค์นคร
พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยอัมรินทร์ รุดให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จากนั้นจึงประสาน ร.ต.อ.ชยณัฐ เตชะผาติกุล รอง
สว.(สอบสวน) สภ.เขลางค์นคร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ตรวจสอบในเบื้องต้นพบไฟลุกไหม้ศาลาการเปรียญบริเวณด้านหน้าวัด
โดยไฟได้ลุกไม้อย่างรุนแรงเนื่องจากด้านหน้าศาลาฯได้ก่อสร้างจากไม้สัก และไฟได้ลุกลามเข้าไปด้านในศาลาฯ
ทำให้เพดานและกระเบื้องได้รับความเสียหาย โดยมีพระอธิการอนุวัฒน์ สิริภทฺโท
เจ้าอาวาสวัดชมภูหลวง สามเณร และชาวบ้าน
พยายามช่วยกันขนน้ำมาดับไฟและขนข้าวของออกมา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ทัน
เพราะไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง จากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมกันฉีดน้ำเพื่อสกัดไฟที่ลุกไหม้
ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่พบว่าศาลาฯได้รับความเสียหายไปกว่าครึ่งหลัง
ต่อมาในช่วงเช้าทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
โดยได้ตั้งประเด็นสาเหตุไว้ 2 เรื่อง คือ เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
และการจุดเทียนไว้ในวันมาฆบูชา
ซึ่งต้องตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป นอกจากนั้นยังมีทางชาวบ้านชมพูหลวง
ต่างเข้ามาช่วยกันขนข้างของ ออกจากศาลาฯ และทำความสะอาด
เพื่อให้ช่างมาตรวจสอบและประเมินการปรับปรุงซ่อมแซมศาลาดังกล่าว
เนื่องจากเป็นจุดที่ทำกิจกรรมต่างๆของวัด
พระอธิการอนุวัฒน์ สิริภทฺโท
เจ้าอาวาสวัดชมภูหลวง เล่าว่า
ช่วงเวลาประมาณ 02.40 น. ขณะที่กำลังจำวัดอยู่
ซึ่งกุฏิเจ้าอาวาสอยู่ติดกับศาลาการเปรียญที่เกิดเหตุ ก็ได้ยินเสียงกระจกแตกและของตก
จึงสะดุ้งตื่น เห็นแสงไฟจ้าและมีไอร้อนเข้ามาใกล้ตัว จึงรู้ว่าไฟไหม้ ได้รีบลุกออกจากกุฏิไปเรียกสามเณร
และเด็กวัดมาช่วยกันดับไฟ แต่ก็ไม่ทันเพราะด้านหน้าศาลาฯเป็นไม้สัก
เปลวไฟได้พุ่งขึ้นไหม้หลังคาไปทั้งหมดแล้ว
จึงแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงดังกล่าว
สำหรับศาลาการเปรียญแห่งนี้
ได้ก่อสร้างบูรณะเมื่อปี 2547 ขณะนั้นใช้งบประมาณก่อสร้าง
3.5 ล้านบาท โดยได้นำไม้สักจากศาลาไม้เก่ามาก่อสร้างบริเวณด้านหน้า
ส่วนด้านในก่อเป็นปูน ใช้ทำกิจกรรมต่างๆของวัดทั้งจากบุญ งานขาวดำ และได้ทำพิธีฉลองสมโภชเมื่อปี
2551 ศาลาฯนี้จึงมีอายุประมาณ
10 กว่าปี ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ได้ตั้งสาเหตุไว้ 2
เรื่องคือ ไฟฟ้าลัดวงจร และจุดเทียนทิ้งไว้ เนื่องจากก่อนเกิดเหตุทางวัดได้จัดกิจกรรมเวียนเทียน
เนื่องในวันมาฆบูชา ซึ่งมีชาวบ้านมาร่วมทำบุญจำนวนมาก จนถึงเวลา 21.00 น. ได้ร่วมกันกับสามเณรตรวจตราและดับเทียนทั้งหมดแล้วก่อนที่จะเข้าจำวัดกัน
ซึ่งไม่ทราบว่าไฟเทียนจะปะทุขึ้นมาอีกหรือไม่
เจ้าอาวาสวัดชมภูหลวง กล่าวอีกว่า การดำเนินการต่อไปคือให้ช่างเข้ามาประเมินว่าจะซ่อมแซมศาลาฯได้หรือไม่
หากซ่อมได้ก็จะต้องซ่อมไปก่อน เพราะทางวัดไม่มีงบประมาณจำนวนมากที่จะสร้างศาลาฯหลังใหม่
เพราะเป็นวัดไม่ใหญ่ มีศรัทธาญาติโยมในหมู่บ้านเพียง 200 ครัวเรือนเท่านั้น จากที่ประเมินเบื้องต้นยังไม่รวมโครงสร้างนั้น
คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณ ซ่อมแซมอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท
หรืออาจจะมากกว่านั้น
ในตอนนี้หากมีการจัดกิจกรรมใดๆ ก็จะต้องใช้วิธีกางเต็นท์ไปก่อนชั่วคราว
ทั้งนี้
หากต้องการช่วยเหลือ สามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาเขลางค์นคร
ชื่อบัญชี วัดชมพูหลวง เลขที่ 552-1-05175-9
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น