นส.พ.ดร.ทวีโภค อังควาณิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ อ.อ.ป. เปิดเผยถึงแนวทางการดูแลและรักษาอาการช้าง จำนวน 8 เชือก ที่ไปกิน ยาฆ่าหญ้า เหตุเกิดที่บ้านแม่ตื่น อ.ออมก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยมีช้างอาหารน่าห่วง 5 เชือก ที่ต้องนำมารักษาที่โรงพยาบาลช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง โดยเดินทางมาถึงช่วงเช้าแล้ว 3 เชือก อีก 2 เชือกอยู่ระหว่างเดินทางมา คาดว่าจะถึงช่วงค่ำวันนี้ ส่วนอีก 3 เชือก อาการไม่หนักมากสัตว์แพทย์ที่ลงพื้นที่ได้ให้การักษาและดูแลอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
นส.พ.ดร.ทวีโภค กล่าวว่า แนวทางในการักษาช้าง 3 เชือกที่มาถึงก่อน พบว่าเชือกแรกคือ พังโมพอนะ มีแผลในช่องปาก ช้างมีอาการซึม ไม่กินอาหาร แต่หลังจากได้รับการรักษาผ่านมาได้ครึ่งวัน ขณะนี้ช้างเริ่มกินน้ำและอาหารอ่อน เช่น กล้วยสุก ได้แล้ว ส่วนอีก 2 เชือกคือ ช้างแม่-ลูก พังคำมูลและพลายวิลเลี่ยม ทั้งสองเชือกมีแผลในช่องปากโดยลูกช้างมีแผลขนาดใหญ่ที่ลิ้นและเพดานปาก ทั้งสองเชือกมีอาการซึมเล็กน้อย แต่ยังสามารถกินน้ำและอาหาร ได้แยกไปรักษาที่โรงเรือนที่มีคอกล้อมรอบ เพราะลูกช้างยังคงเดินซุกซนไปมา หวั่นจะเกิดอันตรายอย่างอื่นตามมา
ขณะนี้ทางสัตวแพทย์ได้ทำการรักษาโดยการให้สารน้ำวันละไม่ต่ำกว่า 50-60 ลิตร ให้ ยาลดการอักเสบ ยากดภูมิคุ้มกัน และยาต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของร่างกายอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะตับและไต เนื่องจากตัวยามีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้เกิดภาวะตับวาย ไตวายและระบบหายใจล้มเหลวต่อมา ซึ่งต้องดูแลช้างตรวจอาการทุกๆ 1 ชั่วโมง นับจากนี้ไป ถือว่าอาการทั้งหมดน่าเป็นห่วงมาก โดยเฉพาะช้าง 2 แม่ลูก ซึ่งตัวลูกช้าง น่าห่วงมากที่สุด แต่ทั้งนี้ก็มีการระดมเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์จากหลายแห่ง รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐเอกชนที่ร่วมใจกันเข้ามาช่วยเหลือช้างในครั้งนี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น