เมื่อวันที่
11 กรกฎาคม 2564 คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำปาง
ได้มีการประชุมครั้งที่ 31/256 มีคำสั่งมาตรการตั้งด่านตรวจหรือจุดสกัด และมาตรการคัดกรองการเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดลำปาง
ในหลายประเด็น
โดยกำหนดให้การตั้งด่านตรวจหรือจุดสกัดการเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดลำปาง
จำนวน 4 ด่าน ประกอบด้วย ด่านตรวจสถานีตำรวจภูธรห้างฉัตร
อ.ห้างฉัตร ด่านตรวจปางมะโอ สถานีตำรวจภูธรแม่ทะ
อ.แม่ทะ ด่านตรวจนาแก สถานีตำรวจภูธรงาว อ.งาว และ
ด่านตรวจสถานีตำรวจแม่พริก อ.แม่พริก ซึ่งเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านเข้าออก จ.ลำปาง เพื่อจัดระเบียบการเดินทางการจราจรการเฝ้าระวังหรือสังเกตอาการผู้เดินทางและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดต่อโรค
นอกจากนั้นยังได้สั่งการให้สำนักงานขนส่งจังหวัด
สถานีรถไฟลำปาง รวมถึงท่าอากาศยานลำปาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้เพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองการเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดลำปาง
ส่วนมาตรการคัดกรองการเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านและชุมชน
กำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมมือกับบุคลากรในหมู่บ้านทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ
สมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน
แพทย์ประจำตำบล คณะกรรมการหมู่บ้าน อสม.
อปพร. ฯลฯ ร่วมกันค้นหาและคัดกรองว่ามีผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง
หรือคนในหมู่บ้านที่เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง เข้ามาพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน
หรือไม่ หากพบบุคคลเข้าข่าย ให้จัดทำบัญชีรายชื่อ
เพื่อเฝ้าติดตามสังเกตอาการเป็นระยะเวลา 14 วัน
นับแต่วันที่ผู้นั้นเดินทางไปยังสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด
และให้ขอความร่วมมือผู้นั้นให้งดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ
นอกหมู่บ้าน หรือพักอาศัยอยู่แต่ในบ้านเรือนเป็นเวลาไม่น้อยกว่า
14 วัน
และให้รายงานข้อมูลดังกล่าวให้เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อติดตามและเฝ้าระวังและให้ส่งข้อมูลให้อำเภอทราบ
และจะต้องแจ้งเตือนราษฎรในหมู่บ้าน
ว่ากรณีมีผู้ที่สงสัยเป็นโรคติดเชื้ออยู่ในบ้าน ให้รีบแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.
หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อโดยทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
เข้ามาตรวจสอบดูแล หากมีคนในบ้านยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19
ให้ดำเนินการกับผู้ที่อยู่ในระยะใกล้ชิดกับผู้ป่วย
ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และให้หน่วยงานท้องถิ่นเข้าไปดำเนินการทำความสะอาด
ฆ่าเชื้อพื้นที่ที่ผู้ติดเชื้อไปทำกิจกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโดยเร็ว
การเดินทางเข้ามาในพื้นที่
จ.ลำปาง ยังคงกำหนดให้ บุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด ให้ลงทะเบียนการเข้าพื้นที่
โดยสแกน QR CODE “ลำปางชนะ”
และรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่โดยทันที (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) พื้นที่
หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)) หรือแจ้งผ่านสายด่วนโควิด – 19
โทร. 093-1408023 โดยไม่ปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์ในการเดินทาง
เพื่อพิจารณากลั่นกรองความเสี่ยงต่อการก่อกำเนิดโรค หรือตรวจหาเชื้อโควิด – 19
ด้วยวิธี Rapid Antigen Test และจะต้องกักกันตัวเองที่บ้านแบบเข้มงวด
(Home Quarantine) หรือปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work
from Home) เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน
และหากพบว่ามีอาการไม่ปกติให้ติดต่อบุคลากรทางการแพทย์ทันที
รวมถึงต้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขที่ประกาศอย่างเคร่งครัด
หากมีภารกิจจำเป็นต้องออกจากบ้าน/ที่พักอาศัย
ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคทุกครั้ง และต้องมีเอกสารการตรวจหาเชื้อโควิด
- 19 ด้วยวิธี RT-PCR ผลเป็นลบ
ไม่เกิน 72 ชั่วโมง
โดยผลตรวจต้องเป็นเอกสารตัวจริงที่ออกโดยสถานที่ตรวจ ไม่สามารถใช้ผลตรวจทางอีเมล
สำเนาถ่ายเอกสาร หรือ SMS มือถือได้ หรือ ยินยอมให้จังหวัดลำปางตรวจหาเชื้อโควิด - 19
โดยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง หากฉีดวัคซีนโควิด – 19 Sinovac
/Sinopharm ครบ 2 เข็ม
โดยหลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 มาแล้วเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป หรือ AstraZeneca/Pfizer/Moderna/Johnson and
Johnson อย่างน้อย 1 เข็มมาแล้วเป็นระยะเวลา 2
สัปดาห์ขึ้นไป สามารถเดินทางได้
ส่วนจังหวัดอื่นๆนอกเหนือจากนี้
เดินทางเข้ามายังพื้นที่จังหวัดลำปางให้ลงทะเบียนการเข้าพื้นที่ โดยสแกน QR
CODE “ลำปางชนะ”
และรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่โดยทันที และจะต้องเฝ้าระวังอาการตนเอง
(Self Monitoring) เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน หากมีอาการผิดปกติให้พบแพทย์ทันที
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น