สยบข่าวลือเรียบร้อย
หลัง ครม.มีคำสั่งย้ายผู้ว่าฯลำปาง ไปเป็นผู้ว่าฯปทุมธานี มีผล 1 ต.ค.นี้ ขณะที่ชาวลำปางโพสผ่านสื่อโซเชียลมีเดียกันมากมาย
ว่าใจหายกับการโยกย้ายดังกล่าว เพราะอยากให้ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ อยู่ลำปางไปนานๆ
กระแสทางสื่อโซเชียลมีเดียมีมานานร่วมสัปดาห์
เกี่ยวกับการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายณรงค์ศักดิ โอสถธนากร
ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี
โดยสับเปลี่ยนนายสิทธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน
มาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางแทน ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้าง
ว่าถ้าหากเป็นเรื่องจริง ชาวลำปางก็รู้สึกเสียดายที่ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์
ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น
จนกระทั่งวันที่ 3 ส.ค.64
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ได้พิจารณาการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหมด 28 แห่ง และเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ซึ่งหนึ่งในนั้นมี จ.ลำปางรวมอยู่ด้วย
และเป็นไปถามโผเมื่อนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร
มีคำสั่งแต่งตั้งไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และนายสิทธิชัย จินดาหลวง
มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง มีผลวันที่ 1 ต.ค.64
เท่ากับว่าผู้ว่าฯ
ยังเหลือเวลาอีกร่วม 2 เดือนในการทำงาน
ผลงานของผู้ว่าฯ
ณรงค์ศักดิ์ เป็นที่ประจักษ์เมื่อครั้งเข้าไปช่วยเหลือนักฟุตบอลทีมหมูป่า 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางตอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อย้ายมาเป็นผู้ว่าฯ ลำปาง ในวันที่ 1 ต.ค. 62 ผู้คนได้เริ่มติดตามว่าจะมีผลงานอะไรเป็นที่น่าประจักษ์ต่อสายตาชาวลำปางหรือไม่
จนกระทั่งเข้าสู่ปี 2563 เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศจีน
และได้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยได้ระบาดมากในช่วงเดือน มี.ค. 63 จ.ลำปาง โดยผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์
ได้โชว์ลวดลายอีกครั้งในการบริหารจัดการเตรียมความพร้อมรับมือกับไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้มีการเตรียมความพร้อมทุกด้าน
ทั้งการรับมือคนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด การตั้งจุดตรวจจุดสกัด 4 มุมเมือง
การเตรียมแผนยกระดับพื้นที่แม้ว่ายังไม่พบผู้ป่วย การออกคำสั่งจังหวัดลำปางงดการเข้าออกพื้นที่ คำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงต่างๆ ฯลฯ
ทำให้
จ.ลำปางเป็น 1 ใน 16 จังหวัดของประเทศไทย ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อ
ยื้อเวลามาได้ 40 กว่า จนวันที่ 4 เม.ย.63 ลำปางพบผู้ติดเชื้อ 4 ราย
ในพื้นที่ อ.งาว ในครั้งนั้น ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า “เมื่อทราบเรื่องมีอยู่ 2
ความรู้สึก คือ แทบจะร้องไห้ เราทำงานกันมาเหน็ดเหนื่อยมาก
แต่อีกใจก็รู้สึกดีใจที่เคสแรกชื้อไม่ได้เกิดกับกลุ่มข้าราชการและคนใน แต่กรณีนี้เกิดจากคนที่มาจากนอกพื้นที่
เป็นจุดบอดในกระบวนการ ไม่ใช่จากการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตลอดเวลาที่เราสู้กันมา 40
กว่าวัน ไม่ได้สูญเปล่า เวลานี้ เราต้องทำต่อให้ดีที่สุด
ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม” และก็ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกจริง
ผ่านพ้นไป 8 เดือน ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จ.ลำปาง
ก็ได้เตรียมการสำหรับรับมือโควิดต่อเนื่อง
เพราะช่วงวันหยุดยาวจะต้องมีคนเดินทางกลับภูมิลำเนา ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์
ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำปาง เพื่อเน้นย้ำมาตรการป้องกันโควิด-19 ช่วงเทศกาลปีใหม่
จะต้องคุ้มเข้มการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก แออัด เช่น
กิจกรรมเคาท์ดาวน์ กิจกรรมทางศาสนา กิจกรรมตามประเพณี ฯลฯ
พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์
สุดท้าย
จ.ลำปางก็ต้องไข่แตกอีกครั้ง เมื่อมีชายชาว ต.ต้นธงชัย อายุ 33 ปี เดินทางมาจาก จ.ระยอง เพื่อมาร่วมงานแต่งงานเพื่อน
ซึ่งพบผู้ติดเชื้อในรอบนี้ 3 ราย
การเฝ้าระวังโควิด
ยังดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์
ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาวที่ผู้คนต่างเดินทางกลับถิ่นฐานบ้านเกิด ในครั้งนี้ นโยบายของผู้ว่าฯ ลำปาง ได้ขอความร่วมมือมาโดยตลอดว่า
หากไม่จำเป็นขออย่าเดินทางกลับมา เนื่องจากอาจจะนำเชื้อมาแพร่สู่ครอบครัวได้
แต่การเดินทางยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ช่วงเดือน เม.ย. 64 จ.ลำปางมีผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.64-8 มิ.ย.64 มียอดผู้ป่วยสะสม 261 ราย เสียชีวิตจำนวน 2 ราย
เวลาผ่านไปอีก 30 วัน ที่ จ.ลำปางไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม
ขณะที่ จ.กรุงเทพ พบการแพร่ระบาดของแรงงานจำนวนมาก
ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์จึงมีการออกคำสั่งให้ แรงงานออกตรวจสอบสถานประกอบการ
และรายงานยอดคนงาน พร้อมยกระดับติดตามคนเดินทางเข้าในพื้นที่ เตรียมสถานที่กักกันกรณีฉุกเฉิน
คาดว่าอาจจะมีการเคลื่อนย้ายแรงงานจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล เข้ามาในพื้นที่
จ.ลำปาง
กระทั่ง วันที่ 27 มิถุนายน 2564 นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้แถลง พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 3 ราย ในพื้นที่ อ.เมืองลำปาง และ อ.เกาะคา ในครั้งนี้จึงเป็นที่มาของการเปิดโครงการ
“รับคนลำปางกลับบ้าน” เพื่อต้องการให้ผู้ติดเชื้อทุกคนเปิดเผยข้อมูล
ดีกว่าการลักลอบกลับมาเองแล้วนำเชื้อมาแพร่สู่ผู้อื่นภายใน จ.ลำปาง
ซึ่งกระแสการตอบรับของโครงการนี้ไปในทางที่ดีมาก มีผู้ป่วยติดต่อขอกลับมารักษาตัวที่
จ.ลำปาง แล้วเกือบ 600 คน
และมีผู้ป่วยที่ตรวจพบติดเชื้อในจังหวัดลำปางอีกจำนวนหนึ่ง
ซึ่งยอดผู้ป่วยสะสมของ จ.ลำปาง ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.64 ถึงวันที่ 3 ส.ค. 64 มียอดอยู่ที่ 1,090 คน
การโยกย้ายผู้ว่าฯช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ว่าเพราะอะไร เท่าที่ทราบคือการโยกย้ายตามวาระ 2
ปี ไม่ได้มีนัยยะแอบแฝง แต่ที่มากกว่านั้นก็คือ
ชาวลำปางต่างเสียดายที่ต้องเสียผู้ว่าฯ มือดีไปให้กับจังหวัดอื่น
และในขณะที่มีหลายคนฝากถึงผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ว่า ก่อนไปขอให้เคลียร์อีกเรื่อง ก็คือ “กองทุนพัฒนาไฟฟ้า” ที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะไปต่อได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น