หลังจากที่ชาวบ้านฉลองราช หมู่ 8 ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ต้องอพยพมาจากพื้นที่ เดิมคือจุดที่มีการทำเหมืองถ่านหินลิกไนต์และการก่อสร้างโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แม่เมาะ จังหวัดลำปาง กลุ่มนี้เป็นกลุ่มของการอพยพครั้งที่ 6 ออกจากพื้นที่รัศมีรอบโรงไฟฟ้า 5 กิโลเมตร จำนวน 4 หมู่บ้าน คือบ้านห้วยคิง บ้านห้วยเป็ด บ้านหัวฝาย และบ้านหัวฝายหล่ายทุ่ง ตาม มติ ครม.วันที่ 10 ม.ค. 49 จำนวน 493 ครัวเรือน
โดยตามมติ
ครม. ระบุว่าจะมีการออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่ชาวบ้านที่อพยพมาอยู่
แต่การที่มาอยู่พื้นที่แห่งนี้นานกว่า 16 ปี แล้วยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครองแม้แต่ครัวเรือนเดียว
อีกทั้ง ในวันที่ 24 ส.ค.65 ที่จะถึงนี้ใบอนุญาตการขอเช่าพื้นที่ของ
กฟผ.ที่เช่าจากกรมป่าไม้ ก็จะหมดอายุลงตามระยะเวลาเช่า 30 ปี
เมื่อชาวบ้านไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินก็ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
นางปราณี
รินทร์แก้ว นางเกสร รินทร์แก้ว และนางศรีวิน คุณกันทา ตัวแทนชาวบ้านฉลองราช ที่ประกอบอาชีพทอผ้ารองนั่ง
ผ้าเช็ดเท้า ขายตามหมู่บ้าน และขายออนไลน์
เพื่อเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว ซึ่งได้รับผลกระทบจากการไร้เอกสารสิทธิ์
เปิดเผยว่า
ที่ผ่านมาก่อนที่จะมีการอพยพครอบครัวพวกตนต่างมีเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินที่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
แต่พอมีการก่อสร้างทำเหมือง และโรงไฟฟ้า กฟผ.ก็ได้มีมติให้มีการอพยพทั้งสมัครใจมาเองและเป็นไปตามมติ
ครม. ซึ่งก็มีการยืนยันว่าจะมีการออกเอกสารสิทธิ์ให้ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้เอกสารสิทธิ์ครองครองที่ดินแม้แต่ครอบครัวเดียว
มีเพียงเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบสอบถามว่าจะให้สิทธิ์
คทช. ซึ่งเป็นการรับรองสิทธ์ที่ดิน ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ครองครองที่ดินหรือโฉนด กลุ่มชาวบ้านจึงไม่ยอม อยากให้ภาครัฐออกเป็นโฉนดที่ดิน
เพราะจะได้นำไปใช้ประโยชน์หลายด้านและยังเป็นมรดกให้ลูกหลานอีกด้วย
ชาวบ้านกล่าวอีกว่า
ทุกวันนี้พื้นที่อพยพ พบว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนแหงชาติไม่สามารถขุดหรือทำไร่อะไรได้เลย
หวั่นจะกลายเป็นผู้ต้องหารุกป่า รวมถึงการพัฒนา ขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐที่ไม่สามารถดำเนินการได้
เพราะท้องถิ่นที่จะนำงบประมาณมาพัฒนาก็หวั่นว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาอีก เพราะจึงอยากให้หน่อยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดำเนินการอย่างเร่งด่วน
เพราะปลายเดือนสิงหาคม 2565 พื้นที่แห่งนี้จะถูกส่งคืนป่าไม้และอาจทำให้ชาวบ้านทั้งหมดเป็นผู้บุกรุกป่า
ทั้งที่อพยพออกจากบ้านเดิมเพื่อสร้างประโยชน์ให้จังหวัดและประเทศ แต่กลับจะมาเป็นผู้ต้องหาทั้งที่ภาครัฐอพยพมาที่แห่งนี้
ด้านนายเกียรติ ปินตา ผู้ใหญ่บ้านฉลองราช หมู่ 8 เปิดเผยว่า งบประมาณต่างๆที่จะมาพัฒนาหมู่บ้านไม่ว่าสาธารณูปโภคทุกด้านต้องตกไปแบบน่าเสียดาย ซึ่งมีบางโครงการงบมากกว่า 3 ล้านบาทแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะติดพื้นที่ป่า ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานต่างๆที่จะเข้ามาทำก็หวั่นเกรงว่าเป็นการทำผิด พ.ร.บ. ป่าสงวนแหงชาติฯ โดยเฉพาะระบบประปาหมู่บ้านที่มีการซ่อมแซม และติดตั้งทั้ง 4 จุดรอบหมู่บ้านชำรุดบ่อยมาก การเจาะน้ำบาดาลมาใช้ ไม่สามารถเจาะลึกได้ เพราะผิดกฎหมายอีก และพบเป็นน้ำที่ปนเปื้อนหินปูน ทำให้เกิดการชำรุดของเครื่องสูบน้ำ
นอกจากนี้งบพัฒนาต่างๆก็ถูกตัดออกไปทำให้เกิดผลกระทบเป็นอย่างมาก
และเดือนหน้าก็จะครบสัญญาเช่าที่ดินระหว่างกรมป่าไม้ และ กฟผ.
ทำให้ชาวบ้านทั้งหมดหวั่นว่าจะเกิดปัญหาอีกมากมายตามมา จึงอยากให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการออกโฉดที่ดินให้เร็วที่สุด
ที่ผ่านมาตนเองและชาวบ้านได้พยายามทุกทางแล้วเพื่อที่จะให้ชาวบ้านได้รับโฉนดที่ โดยที่ไม่เอา คทช.เพราะไม่สามารถทำธุรกรรมอะไรได้เลย
ทั้งที่ชาวบ้านกลุ่มนี้เป็นผู้เสียสละ แต่กลับไม่ได้รับการดูแลอย่างที่เคยรับปากไว้ตอนแรกๆ
สำหรับบ้านฉลองราช
หมู่ 8
และบ้านม่อนหินฟู หมู่ 1 เป็นการอพยพ ครั้งที่
6 ช่วงปี 2549-2553 จำนวน 473 ครัวเรือน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ม.ค.49
ได้เห็นชอบในการออกเอกสารสิทธิ์ให้กับราษฎร
ที่อพยพไปอยู่ในพื้นที่ใหม่ด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น