นางนงคราญ คชรักษา
รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง
เปิดเผยว่า โรคฝีดาษลิง หรือฝีดาษวานร เป็นโรคที่ใกล้เคียงกับอีสุกอีใส
และไข้ทรพิษ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า โดยผู้ป่วยจะมีไข้ ร่วมกับตุ่มผื่น
ตุ่มหนองทั่วตัว ต่อมน้ำเหลืองโต ปัจจุบันทั่วโลกพบผู้ป่วยยืนยันทั่วโลก 12,608 ราย ใน 75 ประเทศ และพบผู้ป่วยยืนยันในประเทศไทย 1 ราย ที่จังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ป่วยเพศชาย ชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม
ส่งตรวจหาเชื้อแล้วทั้งหมด 38 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อฝีดาษวานร
7 ราย และอยู่ระหว่างการตรวจหาเชื้อ 31
ราย
คำแนะนำในการป้องกันโรคฝีดาษวานร
สำหรับประชาชน
1.โรคฝีดาษวานร
ติดเชื้อจากการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มหรือผื่น / สิ่งของที่ใช้ร่วมกับผู้ป่วย
ให้เลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีตุ่มหนอง และงดใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย
2.Universal Prevention : เน้นการล้างมือบ่อย ๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง
3.หากเริ่มมีไข้
เจ็บคอ ต่อมหน้าเหลืองโต มีผื่นแดง ตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนอง ขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ลำตัว แขนขา ใบหน้า และฝ่ามือฝ่าเท้า
ร่วมกับมีประวัติเสี่ยง ได้แก่ สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
มีประวัติเดินทางจากต่างประเทศ
/ร่วมงานหรือกิจกรรมที่เคยมีรายงานพบผู้ป่วยฝีดาษวานร
มีอาชีพที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดคลุกคลีกับผู้เดินทางจาก ต่างประเทศ
หรือมีประวัติสัมผัสสัตว์ฟันแทะที่มาจากอาฟริกา
ให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย ทั้งนี้ขอให้
แจ้งประวัติเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ทราบ
4.กรณีพบผู้ป่วยสงสัยฝีดาษวานร
โดยเฉพาะชาวต่างชาติ แนะนำให้ผู้ป่วยรีบไปพบแพทย์ ไม่ควร หลบหนี
เพื่อลดการแพร่โรคสู่ผู้อื่น
นายสิธิชัย จินดาหลวง
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า แม้
จ.ลำปางจะยังไม่พบผู้ป่วย แต่มาตรการ universal ก็สามารถควบคุมโรคนี้ได้
ช่วยกันสังเกตนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในบ้านเรา
หากพบความผิดปกติหรือสุ่มเสี่ยงให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น