วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2565

ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 ปี รอลงอาญา “แสงเดือน ตินยอด” คดีรุกป่าสงวน อ.งาว พร้อมปรับ 5 หมื่นบาท และต้องทำกิจกรรมทางสังคมทุก 3 เดือน

 



เมื่อวันที่ 28 ก.ย.65  ศาลจังหวัดลำปางได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีนางวันหนึ่ง ยาวิชัยป้อง หรือชื่อเดิม นางแสงเดือน ตินยอด  อายุ 55 ปี ชาวบ้านแม่กวัก ม.1 ต.บ้านอ้อน อ.งาว จ.ลำปาง ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และมีอาวุธไว้ในครอบครอง   ศาลพิพากษา สั่งจำคุก 1  ปี รอลงอาญา 2  ปี  ปรับ 5 หมื่นบาท  ทำกิจกรรมบริการสังคม ทุก 3 เดือนต่อครั้ง เป็นเวลา 1 ปี    หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 4 แสนบาทพร้อมดอกเบี้ย



การพิพากษาของศาลฎีกาครั้งนี้  ได้แก้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์  เมื่อวันที่ 8  กันยายน 2563   ซึ่งเดิมได้ตัดสินให้  นางวันหนึ่ง ยาวิชัยป้อง หรือ นางแสงเดือน ตินยอด   จำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา  ปรับ 4 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 2561   

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง  https://www.lannapost.net/2020/09/1-4.html



โดยมีกลุ่มสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) นำโดยนายสมชาติ รักษ์สองพลู  และชาวบ้านไปเป็นกำลังใจและรอฟังคำพิพากษาอยู่ด้านหน้าศาลจังหวัดลำปาง  พร้อมทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับนางวันหนึ่ง หรือแสงเดือน   และอ่านแถลงการณ์เรื่อง ทวงคืนความเป็นธรรม ทวงคืนความเป็นคน ทวงคืนที่ดินและผืนป่าสู่มือประชาชน 

โดยระบุว่า ภาพที่เห็นวันนี้ แสงเดือน ตินยอด หรือ วันหนึ่ง ยาวิชัยป้อง ชาวบ้านแม่กวัก อำเภองาว จังหวัดลำปาง เป็นเพียงหญิงเกษตรกรคนหนึ่งที่ต้องเป็นเหยื่อเซ่นสังเวยนโยบายอันแสนป่าเถื่อน ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่เธอต้องทุกข์ทนจากการถูกเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บังคับให้ตัดฟันต้นยางพาราของตนเอง และเป็นเวลากว่า 4 ปี หลังเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเธอในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แม้จะปรากฏหลักฐานในระหว่างการต่อสู้ภายหลังว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่กระบวนการยุติธรรมไทยก็มิได้ให้ความยุติธรรมแก่เธอ กลับยิ่งซ้ำเติมทำให้กระบวนการแย่งยึดที่ดินของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาลเผด็จการทหารนั้นเสร็จสมบูรณ์

แม้ในวันนี้ศาลฎีกาจะมีคำสั่งรอลงอาญา แต่ครอบครัวที่แตกแยก ที่ดินบรรพบุรุษที่สูญเสีย หนี้สินที่ทบทวี ลูกที่ต้องกระเด็นออกจากระบบการศึกษา และอาการซึมเศร้า ล้วนคือวิบากกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนี้ และยังไร้หน่วยไหนเยียวยา



          ลานนาโพสต์  เคยพูดคุยกับ นางวันหนึ่ง  เมื่อ 2 ปีก่อนครั้งที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้เธอจำคุกโดยไม่รอลงอาญา  นางวันหนึ่ง ได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังถูกฟ้องร้อง ตนเองต้องต่อสู้เพียงลำพัง ครอบครัวแตกแยก ต้องเลิกรากับอดีตสามี มีลูก 2 คนคนเล็กเรียนจบแค่ ม.3 ต้องไปทำงานหาเลี้ยงตัวเอง เพราะไม่มีเงินส่งลูกเรียน ด้วยความหวังว่าจะปลูกยางพาราหารายได้มาจุนเจือครอบครัว และส่งลูกเรียนหนังสือ ก็ล่มสลายไปหมด  ตอนนี้ต้องไปอาศัยอยู่กับพี่สาวต่างจังหวัด  และรับจ้างดูแลผู้สูงอายุป่วยติดเตียงที่ ได้รายได้เดือนละ 4,000 บาทเท่านั้น  ต้องต่อสู้คดีในศาล  ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ที่ดินทำกินก็ไม่มีถูกยึดไปทั้งหมด 

          “อยากวิงวอนขอความเห็นใจกับตนเองด้วย เพราะตนเองเกิดบนผืนแผ่นดินไทย พ่อแม่ก็เกิดแผ่นดินไทย ตายก็เผาที่แผ่นดินไทย แต่ตนถูกกระทำเหมือนเป็นคนต่างด้าวต่างชาติที่แอบลักลอบมาหากินในพื้นที่”

หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษา นางวันหนึ่งได้ประกันตัวออกมา และได้ยื่นต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกา กระทั่งมีคำพิพากษาออกมาดังกล่าว และถือว่าคดีถึงที่สุด


Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์