จ.ลำปางประชุมเดินหน้าแก้ปัญหาออกเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้านแม่เมาะ สั่งการ ทสจ.และป่าไม้ เร่งรังวัดพื้นที่เพื่อขอเพิกถอนป่า

 

วันที่ 1 ก.ย.65 จ.ลำปางได้ประชุมการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ของราษฎรผู้อพยพออกจากพื้นที่รอบเหมืองและรอบโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ของบ้านเวียงหงส์ล้านนา หมู่ 12 ต.แม่เมาะ และบ้านฉลองราช หมู่ 8 ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ  โดยมีนายจำลักษ์ กันเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธาน  พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง  สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง  กฟผ.แม่เมาะ  นายก อบต.สบป้าด ตัวแทนชาวบ้าน 2 หมู่บ้าน  นำโดยนางมะลิวรรณ นาควิโรจน์  ประธานเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ  เข้าร่วมประชุม 

          โดยในการประชุม ได้มีการตั้งคณะทำงานชุดใหม่  พร้อมคำนวณรายจ่ายต่างๆในการดำเนินการรังวัดที่ดินเพื่อยื่นเรื่องเพิกถอนป่า  โดยในส่วนนี้จะประสานงานทาง กฟผ.แม่เมาะ   ซึ่งการสำรวจข้อมูลพื้นที่และการขอเพิกถอนป่า คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน

          และยังมีประเด็นของการอพยพครั้งที่ 5 ที่ไม่ได้อยู่ในมติ ครม. ซึ่งการประชุมร่วมกับผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อวันที่  24 ส.ค.65 ระบุว่า  ครั้งที่ 5 มีการอพยพเช่นเดียวกัน ถ้าไม่ได้ออกเอกสารสิทธิ์อาจจะเกิดความเหลื่อมล้ำ จึงควรออกเอกสารสิทธิ์ให้การอพยพครั้งที่ 5 ไปพร้อมกัน   ในวันนี้จึงขอมติจากที่ประชุม และส่งรายงานไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินให้ทำเรื่องส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

          นายจำลักษ์ กันเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  กล่าวว่า ความคืบหน้าคือจะเร่งดำเนินการติดตามงานที่ค้างอยู่ ทำการรังวัดแปลงที่ดินเพื่อทำการเพิกถอนเขตพื้นที่ป่าสงวน ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป  โดยพ่วงการอพยพโยกย้ายครั้งที่ 5 เข้าไปด้วย เนื่องจากมีลักษณะงานเหมือนกัน  ซึ่งตามมติ ครม.ได้ระบุให้ออกเอกสารสิทธิ์การอพยพ ครั้งที่ 6 เพียงครั้งเดียว  แต่ถ้าไม่ให้ออกเอกสารสิทธิ์ให้การอพยพครั้งที่ 5 ด้วยก็อาจจะเกิดความเหลื่อมล้ำกัน  

ตอนนี้จึงต้องจะเร่งรัดให้เร็วที่สุด  โดยให้ ทสจ.และป่าไม้ เร่งรังวัดพื้นที่ว่าคาบเกี่ยวกับหน่วยงานไหนบ้าง ซึ่งจะมี สปก.เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องให้ทาง สปก.ส่งคืนพื้นที่ให้ป่าไม้เพื่อจะส่งไปยกเลิกเพิกถอนพื้นที่ป่า  คิดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน ถ้าไม่มีอะไรมาขัด  วันนี้เร่งเดินเต็มสูบและประสานให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบเข้ารับฟังการประชุมทุกครั้ง  และมีจัดตั้งกลุ่มให้ชาวบ้านเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้  ถ้าเป็นไปได้จะประชุมทุกเดือนเพื่อเร่งรัดงานที่ค้างอยู่  เพื่อจะติดตามเรื่องให้ได้เร็วที่สุด  รองผู้ว่าฯ กล่าว.