สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง
รายงานสถานการณ์โควิด-19 ของ จังหวัดลำปาง ห้วงระหว่างวันที่
17 - 23 ธันวาคม 2565 พบผู้ติดเชื้อ 1,264 ราย เฉลี่ย 180 รายต่อวัน
โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 23 ธันวาคม 2565 จำนวน 64,606
ราย อัตราป่วย เท่ากับ 8,893.62
ต่อแสนประชากร และพบผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สะสม 70 ราย
อัตราป่วยตาย ร้อยละ 0.11
นางนงคราญ
คชรักษา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า อย่างที่ทราบกันว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 65 เป็นต้นมา โรคโควิด-19 ได้ปรับให้เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง
เปรียบกับโรคไข้หวัด แต่ก็ยังพบผู้ป่วยรายใหม่อยู่ตลอด
ในส่วนของ จ.ลำปางเองมีแนวโน้มผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น
ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 65 เฉลี่ยพบผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 100 กว่ารายต่อวัน แต่ในช่วงเดือนธันวาคม 65 ซึ่งเป็นช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ฤดูหนาว
เริ่มมีกิจกรรมรวมกลุ่มมากขึ้น พบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ เฉลี่ยวันละ 488 ราย แต่ความรุนแรงยังไม่มากนัก ซึ่งมีผู้ป่วยใช้เครื่องหายใจอยู่ประมาณ 30 ราย และยังพบผู้เสียชีวิตอยู่เฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ราย
เมื่อวิเคราะห์ข้อมูล
พบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และเป็นผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ที่สำคัญคือ
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย บางรายเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็ม
3
และ เข็ม 4
รองนายแพทย์สาธารณสุข
กล่าวว่า
เมื่อดูผลงานการฉีดวัคซีนพบว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็ม 2 ทุกกลุ่มเป้าหมาย ลำปางฉีดไปแล้วทั้งหมด
524,563 คน คิดเป็นร้อยละ 77.61 แต่การฉีดวัคซีนเข็ม 3 ในทุกกลุ่มประชากร จำนวน
267,443 คน (ร้อยละ 39.90) เทียบกันแล้วถือว่าน้อยมาก
แต่ถ้าเข้าไปดูในกลุ่มของประชากรกลุ่ม 608
มีการวัคซีนเข็ม 3 ไปแล้วจำนวน 134,252 คน (ร้อยละ 52.31) แต่เป้าหมายของเราคือต้องการให้ฉีดได้ถึงร้อยละ
60 ก็ยังไม่เป็นไปตามเป้า
ส่วนในเด็กนักเรียนอายุ
5-11 ปี ได้รับวัคซีนเข็ม 1 ทั้งหมด 29,102 คน
(ร้อยละ 69.61) ได้รับเข็ม 2 จำนวน 22,894 คน (ร้อยละ 54.76)
ได้รับเข็ม 3 จำนวน 373 คน (ร้อยละ 0.89) เด็กอายุ 6 เดือน-4 ปีได้รับวัคซีนเข็ม 1
จำนวน 235 คน เข็มที่ 2 จำนวน 152 คน
จึงขอเชิญชวนให้ชาวลำปางมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นกัน
โดยเฉพาะเข็มสุดท้ายที่ห่างมานานมากกว่า 3 เดือน
ซึ่งรับบริการได้ทุกสถานพยาบาลใกล้บ้าน และสิ่งที่ควรปฏิบัติในช่วงนี้ก็คือ การดูแลเรื่องอนามัยส่วนบุคคล การไปไหนมาไหน หรือการมีกิจกรรมร่วมกัน
จะต้องเฝ้าระวังตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย
หมั่นล้างมือ ไม่เพียงแต่จะป้องกันโรคโควิดได้แล้ว
ยังป้องกันได้อีกหลายๆโรค เช่น วัณโรค ไข้หวัด
ท้องร่วง เป็นต้น
และสำหรับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19
และรับวัคซีนแล้วจะมีอาการเพียงเล็กน้อย สามารถรักษาตามอาการและ
ควรดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังคนอื่น โดย เว้นระยะห่าง
สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด แต่ถ้ายังไม่ได้ฉีดวัคซีน อาจมีโอกาสเสี่ยงอาการรุนแรง
ก็ต้องไปพบแพทย์โดยเร็ว
ทั้งนี้
ลานนาโพสต์เคยรายงานผลการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ไปครั้งล่าสุด
เมื่อเดือนกรกฎาคม 65 ขณะนั้นพบว่ามีการฉีดเข็ม 3 ไปได้ร้อยละ 38.71 เท่านั้น ซึ่งกลุ่ม 608 ยังขาดเป้าหมายอีกกว่า
38,000 คน ผ่านไประยะเวลา
5 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม 65 พบผู้ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเพียง ร้อยละ
1.19 เท่านั้น รวมเป็น
ร้อยละ 39.90
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น