“ความรัก” เป็นสิ่งสวยงามเสมอ
แต่ถ้ารักมากเกินเบอร์ย่อมส่งผลเสียไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เรื่องของการ “รัก(ษ์)สุขภาพ”
ก็เช่นกัน ดังนั้นสัปดาห์นี้ของส่งท้ายเดือนแห่งความรักมาให้แก่คนที่ดูแลตัวเองด้วยการรับประทาน
“อาหารคลีน” กับประเด็น “กินคลีน..อย่างไร? ไม่ให้เป็น ”โรคคลั่งกินคลีน”
หากจะกล่าวถึงอาหารเพื่อสุขภาพ
เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก “อาหารคลีน” เพราะกระแสอาหารคลีนเพื่อสุขภาพมาแรงมากในช่วงไม่กี่ปีผ่านมา
การกินอาหารคลีนเป็นประจำ ที่สะดวก เหมาะกับวิถีชีวิตประจำวันของแต่ละท่าน
จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ป้องกันการเกิดโรคไม่เรื้อรังต่างๆ เช่น
โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงได้
แต่หากท่านมีความวิตกกังวลร่วมกับการกินอาหารคลีน ท่านอาจจะเป็น “โรคคลั่งกินคลีน?” วันนี้มาลองหาคำตอบกันค่ะ
โรคคลั่งกินคลีน (Orthorexia) คือ พฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติ
(Eating Disorders) ชนิดหนึ่ง
ซึ่งผู้ป่วยจะมีความกังวลเกี่ยวกับอาหาร จะคำนึงถึงและเลือกกินเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยเหล่านี้จะมีอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-compulsive
disorder) ร่วมด้วย
จะทราบได้อย่างไรว่าตัวเองกำลังเป็นหรือจะเป็นโรคคลั่งกินคลีนหรือไม่
ง่ายๆ เพียงสังเกตตัวเองว่ามี 6 พฤติกรรมดังต่อไปนี้หรือไม่?... 1.เช็คส่วนประกอบของอาหารและฉลากโภชนาการอย่างเคร่งครัดทุกครั้งที่เลือกซื้ออาหาร 2.งดกินอาหารบางอย่างที่คิดว่าไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
เช่น อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต อาหารที่มีน้ำตาล อาหารที่มีไขมัน
ผลิตภัณฑ์อาหารที่มาจากสัตว์ทุกชนิด เป็นต้น 3.กินอาหารออร์แกนิค ปลอดภัย หรือต้องมีสัญลักษณ์บอกว่า
ไม่ผ่านการแปรรูป และต้องดีต่อสุขภาพเท่านั้น 4.สนใจการกินของคนอื่นมากกว่าปกติ
ว่าการกินนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร 5.ใช้เวลานานในการนึกถึงอาหาร
หรือคิดเมนูอาหารที่ต้องมีประโยชน์ในมื้อถัดไป 6.รู้สึกกังวลมาก
ถ้ามื้อไหนไม่มีอาหารที่ปลอดภัยหรืออาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ผู้ป่วยโรคนี้จะเข้าใจว่าพฤติกรรมการกินอาหารของตนเองนั้น
คือการเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
แต่ไม่อาจทราบเลยว่าสิ่งที่ตนทำอยู่นั้นเป็นการทำลายชีวิตความเป็นอยู่ปกติ
มีผลต่อสภาพจิตใจและอาจทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้ เช่น
หากผู้ป่วยไม่กินเนื้อสัตว์
ทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ น้ำหนักลด
ภูมิคุ้มกันโรคไม่ดี เจ็บป่วยได้ง่าย
หากไม่กินอาหารที่มีไขมัน
ร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ไม่สามารถดูดซึมวิตามินที่ต้องละลายในไขมัน เช่น
วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค
หากผู้ป่วยไม่กินคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล
อาจทำให้ได้ร่างกายขาดพลังงาน สมองอาจขาดกลูโคสส่งผลให้มีอาการเบลอ มึนงง
สมาธิในการทำงานอาจลดลงได้
และหากผู้ป่วยรายนั้นเป็นเบาหวานและได้รับยาเบาหวานบางชนิดหรืออินซูลินอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำได้
(Hypoglycemia)
ดังนั้น การกินอาหารคลีน
คือการเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้หลากหลาย ในปริมาณที่เหมาะสม
หากบอกว่ากินคลีน โดยไม่กินหรืองดอาหารบางอย่าง จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด
ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการทำงานของร่างกายที่ผิดปกติได้
นอกจากนี้การมีความวิตกกังวลต่อการเลือกกินอาหารคลีนมากเกินไปก็ถือเป็นความผิดปกติที่ควรได้รับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือการรับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาร่วมด้วย
กอบแก้ว
แผนสท้าน....เรื่อง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น