วันเสาร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566

จนท.ทลายรังมอดไม้ หลังลาดตระเวนไฟป่า พบชายฉกรรจ์อยู่ในกระท่อมวิ่งหลบหนี ตรวจพบซุกซ่อนไม้เถื่อน อาวุธปืน เลื่อยโซ่ยนต์ วิทยุสื่อสารแบบทางราชการเพียบ

 



วันที่ 1 เม.ย.66 โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. หรือ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ตำรวจพ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส.สั่งการให้ ร.ต.ต.พนม สารีพันธุ์ รอง.สว.กก 4 บก.ปทส. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 ลำปาง ประสานสนธิกำลัง ตำรวจ กกก.สส.ภ.5 ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ลำปาง กำลังเจ้าหน้าที่ทหารค่ายฝึกรบพิเศษที่ 3 ประตูผา เจ้าหน้าที่ ศูนย์ป้องกันปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) สั่งการโดย นายสมศักดิ์  สกุลวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) นายจิตรกร  ศรีจันทร์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.13 (แม่เมาะ) เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการพิเศษป่าไม้ จังหวัดลำปาง ประสานผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าสี หมู่ 3 ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ  เข้าทำการตรวจสอบกระท่อมไม้หลังใหญ่ ไม่มีเลขที่ ปลูกอยู่ในป่าท้ายหมู่บ้าน ทาสี หมู่ 3 ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ 





หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า ลักลอบการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้และอาญชากรรมต่างๆ โดบพบเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คน ได้วิ่งหลบหนีออกจากกระท่อมหายเข้าไปในป่าทันที เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามไปแต่ไม่ทัน จึงได้ประสานผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาร่วมเป็นพยานในการตรวจค้น กระท่อมหลังดังกล่าว ซึ่งคาดว่ามีสิ่งของผิดกฏหมายซุกซ่อนอยู่  โดยให้ผู้ใหญ่บ้าน นำตรวจค้น

เบื้องต้นพบสิ่งของผิดกฏหมายหลายรายการเช่น ไม้ประดู่แปรรูปขนาดใหญ่ 3 แผ่น อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ ปืนแก๊ป 2 กระบอก เลื่อยโซ่ยนต์ ไม่มีเลขทะเบียนกำกับ 1 เครื่อง วิทยุสื่อสาร (มือถือ)เหมือนทางราชการ 4 เครื่อง รถจักรยานยนต์ดัดแปลง 3 คัน อุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดไม่ทำลายป่าอีกจำนวนหนึ่ง  จึงได้ตรวจยึดของกลางพร้อมแจ้งประสานร้อยเวร สอบสวน สภ.แม่เมาะ ลงพื้นที่เกิดเหตุทันที




ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ เพราะคาดว่าน่าจะมีการซุกซ่อนไม้เถื่อนไว้อย่างแน่นอน เพราะพบร่องรอยแปรรูปไม้และการชักลากไม้เป็นทางยาว ซึ่งเป็นไปตามคาด ห่างจากตัวกระท่อมไม่มากนัก พบไม้ประดู่ท่อนจำนวน 9 ท่อนวางกระจัดกระจายกันไป และห่างออกไปในลำห้วยพบ ไม้ประดู่อีก 10 ท่อน อยู่ระหว่างกำลังจะแปรรูป แต่ยังทำไม่สำเร็จ  





โดยทางการข่าวพบว่า เป็นชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกับนายทุนใหญ่ ทำกันเป็นขบวนการค้าไม้ข้ามชาติ เพราะในพื้นที่ป่าแห่งนี้มีต้นไม้ที่มีค่าจำนวนมากเป็นที่หมายปองของกลุ่มขบวนการค้าไม้  ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีการขนย้ายไม้อยู่ตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมและสาวลึกถึงตัวการได้ 

ส่วนวิทยุสื่อสารที่ตรวจพบคาดว่ากลุ่มมอดไม้จะใช้ในการติดต่อประสานงานกันในกลุ่มเพราะสะดวก เนื่องจากพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์  จึงหันมาใช้วิธีติดต่อกันด้วยวิทยุสื่อสารแทน  รวมทั้งจะเป็นการดักฟังการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ก็เป็นไปได้







Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์