วันที่
1
เม.ย.66 โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.วัชรินทร์
พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. หรือ
ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(บก.ปทส.) ตำรวจพ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส.สั่งการให้ ร.ต.ต.พนม
สารีพันธุ์ รอง.สว.กก 4 บก.ปทส. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 ลำปาง ประสานสนธิกำลัง
ตำรวจ กกก.สส.ภ.5 ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ลำปาง กำลังเจ้าหน้าที่ทหารค่ายฝึกรบพิเศษที่ 3
ประตูผา เจ้าหน้าที่ ศูนย์ป้องกันปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) สั่งการโดย
นายสมศักดิ์ สกุลวรรณรักษ์
ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) นายจิตรกร ศรีจันทร์
ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่
ลป.13 (แม่เมาะ) เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการพิเศษป่าไม้ จังหวัดลำปาง ประสานผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าสี
หมู่ 3 ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ เข้าทำการตรวจสอบกระท่อมไม้หลังใหญ่
ไม่มีเลขที่ ปลูกอยู่ในป่าท้ายหมู่บ้าน ทาสี หมู่ 3 ต.บ้านดง
อ.แม่เมาะ
หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า
ลักลอบการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้และอาญชากรรมต่างๆ
โดบพบเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คน ได้วิ่งหลบหนีออกจากกระท่อมหายเข้าไปในป่าทันที
เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามไปแต่ไม่ทัน จึงได้ประสานผู้ใหญ่บ้าน
และชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาร่วมเป็นพยานในการตรวจค้น กระท่อมหลังดังกล่าว ซึ่งคาดว่ามีสิ่งของผิดกฏหมายซุกซ่อนอยู่
โดยให้ผู้ใหญ่บ้าน นำตรวจค้น
เบื้องต้นพบสิ่งของผิดกฏหมายหลายรายการเช่น
ไม้ประดู่แปรรูปขนาดใหญ่ 3 แผ่น อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ ปืนแก๊ป 2 กระบอก
เลื่อยโซ่ยนต์ ไม่มีเลขทะเบียนกำกับ 1 เครื่อง วิทยุสื่อสาร
(มือถือ)เหมือนทางราชการ 4 เครื่อง รถจักรยานยนต์ดัดแปลง 3 คัน
อุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดไม่ทำลายป่าอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ตรวจยึดของกลางพร้อมแจ้งประสานร้อยเวร
สอบสวน สภ.แม่เมาะ ลงพื้นที่เกิดเหตุทันที
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ
เพราะคาดว่าน่าจะมีการซุกซ่อนไม้เถื่อนไว้อย่างแน่นอน เพราะพบร่องรอยแปรรูปไม้และการชักลากไม้เป็นทางยาว
ซึ่งเป็นไปตามคาด ห่างจากตัวกระท่อมไม่มากนัก พบไม้ประดู่ท่อนจำนวน 9
ท่อนวางกระจัดกระจายกันไป และห่างออกไปในลำห้วยพบ ไม้ประดู่อีก 10 ท่อน อยู่ระหว่างกำลังจะแปรรูป
แต่ยังทำไม่สำเร็จ
โดยทางการข่าวพบว่า
เป็นชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกับนายทุนใหญ่ ทำกันเป็นขบวนการค้าไม้ข้ามชาติ เพราะในพื้นที่ป่าแห่งนี้มีต้นไม้ที่มีค่าจำนวนมากเป็นที่หมายปองของกลุ่มขบวนการค้าไม้ ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีการขนย้ายไม้อยู่ตลอดเวลา
ทำให้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมและสาวลึกถึงตัวการได้
ส่วนวิทยุสื่อสารที่ตรวจพบคาดว่ากลุ่มมอดไม้จะใช้ในการติดต่อประสานงานกันในกลุ่มเพราะสะดวก
เนื่องจากพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ จึงหันมาใช้วิธีติดต่อกันด้วยวิทยุสื่อสารแทน
รวมทั้งจะเป็นการดักฟังการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ก็เป็นไปได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น