กรมอุตุนิยมวิทยา
ได้รายงานสถานการณ์ในห้วงเดือนมิถุนายน 66 พบว่า ปรากฏการณ์เอนโซได้เข้าสู่สภาวะเอลนีโญแล้ว
จากอุณหภูมิผิวน้ำทะเลใน มหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเขตศูนย์สูตรในเดือนที่ผ่านมาสูงกว่าปกติทั่วทั้งบริเวณ
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
พบว่า มีอุณหภูมิผิวน้ําทะเลสูงกว่าค่าปกติทั่วทั้งบริเวณมหาสมุทร ฯในระดับลึก ลักษณะดังกล่าวส่งผลให้ระบบการหมุนเวียนบรรยากาศที่ระดับ
850 มิลลิบาร์(เฮกโต ปาสคาล: hPa) หรือที่ความสูงประมาณ
1.5 กิโลเมตร จากระดับน้ําทะเลปานกลางมีลมตะวันตกที่มีกําลังแรงกว่า
ปกติพัดปกคลุมบริเวณด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร สําหรับลมที่ระดับ
200 มิลลิบาร์(เฮกโต ปาสคาล:hPa) หรือที่ความสูงประมาณ
11กิโลเมตร จากระดับน้ําทะเลปานกลาง มีลมตะวันตกที่มีกําลังแรงกว่าปกติ
พัดปกคลุมบริเวณด้านตะวันตกและด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเขตศูนย์สูตร
การคาดหมาย
จากอุณหภูมิผิวน้ําทะเลและระบบการหมุนเวียนบรรยากาศบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก
บริเวณเขตศูนย์สูตรมีค่าใกล้เคียงถึงสูงกว่าค่าปกติประกอบกับเมื่อวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติและแบบจําลองเชิงพลวัต
แล้ว คาดว่า ปรากฏการณ์เอนโซได้เข้าสู่สภาวะเอลนีโญกําลังอ่อนแล้ว และจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม
2567
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย คาดว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2566 ปริมาณฝน บริเวณประเทศไทยมีค่าใกล้เคียงค่าปกติ ส่วนอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าปกติ
เช่นเดียวกับ
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ประกาศ
ปรากฏการณ์เอลนีโญเริ่มขึ้นแล้ว และเพิ่มโอกาสมากยิ่งขึ้นที่จะส่งผลให้อุณหภูมิทำสถิติสูงสุด
และอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ของโลกและในมหาสมุทร
การประกาศเตือนครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณให้รัฐบาลทั่วโลกเตรียมมาตรการจำกัดผลกระทบต่อสุขภาพ
ระบบนิเวศ และเศรษฐกิจ นอกจากนี้เพื่อรักษาชีวิตและความเป็นอยู่
รัฐบาลต้องติดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้า
และเตรียมรับมือกับสภาพอากาศเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นในปีนี้
อุตุนิยมวิทยาโลก เตือนว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญครั้งแรกในรอบ 7 ปีครั้งนี้ บวกกับการกระทำของมนุษย์ที่ทำให้โลกร้อนจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล อาจทำให้ปี 2566 หรือ 2567 ทำสถิติเป็นปีที่ร้อนที่สุดแทนที่ปี 2559
หมายเหตุ
กรมอุตุนิยมวิทยาจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ปรากฏการณ์เอลนีโญ / ลานีญา อย่างใกล้ชิดและจะเผยแพร่
ข่าวความคืบหน้าให้ประชาชนได้ทราบเป็นระยะๆ จึงขอให้ติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาต่อไปด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น