กรมทรัพยากรธรณีประกาศให้ซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน
จำนวน 8 สายพันธุ์ มีคุณสมบัติเป็นสิ่งที่หายากและมีคุณค่าเป็นพิเศษ
สมควรเก็บรักษาเป็นสมบัติของชาติ โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 19
พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ประกอบด้วยไดโนเสาร์ 3 สายพันธุ์ ปลา 2 สายพันธุ์ และเต่า
3 สายพันธุ์ รวมทั้งหมด 41 ชิ้นตัวอย่าง
ซึ่งซากดึกดำบรรพ์เหล่านี้ถือเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบในประเทศไทย และเป็นตัวอย่างต้นแบบ (Holotype) ที่นำมาใช้ตั้งชื่อซากดึกดำบรรพ์ ซึ่งมีเพียงชิ้นเดียวในโลก ไม่สามารถหาได้ทั่วไป และมีคุณค่าทางวิชาการทั้งด้านธรณีวิทยาและบรรพชีวินวิทยา
ซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนซึ่งเป็นสิ่งที่หายากและมีคุณค่าเป็นพิเศษ
สมควรเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติชาติ (เรียกง่ายๆ ว่า ซากดึกดำบรรพ์สมบัติชาติ)
เป็นหนึ่งในกระบวนการอนุรักษ์ซากดึกดำบรรพ์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์
พ.ศ. 2551
เพื่อเป็นการคุ้มครองมรดกทางธรรมชาติอันทรงคุณค่าให้อยู่คู่กับประเทศไทยไปได้ตราบนานที่สุด
เท่าที่จะเก็บรักษาสภาพนั้นได้
นอกจากนี้ยังมีซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนที่มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์การประกาศให้เป็นสมบัติชาติ
อีกจำนวน 46 สายพันธุ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาประกาศให้เป็นสมบัติชาติต่อไป
ซากดึกดำบรรพ์ที่ประกาศให้เป็นสมบัติชาติแล้ว
จะไม่สามารถค้าขายได้ และหากผู้ใดต้องการดำเนินการใดๆ เช่น ศึกษาวิจัย ซ่อมแซม
เปลี่ยนแปลง หรือทำลาย จะต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี
หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีทำการค้าผิดกฎหมาย และโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
ในกรณีซ่อมแซม เปลี่ยน หรือทำลายโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้
กรมทรัพยากรธรณีไม่มีนโยบายในการนำตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ
ซึ่งอยู่ในการครอบครองของหน่วยงานอื่นๆ
มาเก็บรักษาไว้ที่คลังตัวอย่างของกรมทรัพยากรธรณี
หากผู้ครอบครองมีการจัดเก็บรักษาตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์อย่างเป็นระบบและมีมาตรฐานที่จะไม่ทำให้ตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติสูญหายหรือถูกทำลายไป
ที่มา พระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์
พ.ศ. 2551
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น