วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2566

ศาลสั่งจำคุก “สุนี” 116 ปี ทุจริตใบเสนอราคา 29 โครงการ รวมแล้วกว่า 20 ล้านบาท

 


นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 พร้อมผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ 8 จังหวัดในเขตพื้นที่ภาค 5  ร่วมแถลงผลการดำเนินงานและความคืบหน้าในการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของสำนักงาน ป.ป.ช. ประกอบด้วย ภารกิจปราบปรามการทุจริต ภารกิจป้องกันการทุจริต และภารกิจตรวจสอบทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 ที่ผ่านมา

โดยประเด็นสำคัญได้มีการแถลงผลงานด้านปราบปรามการทุจริต เรื่องการกล่าวหา นางสุนี สุขประสงค์ดี หรือสมมี  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง กับพวก ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีทุจริตเข้ามีส่วนได้เสีย และตกลงร่วมกันในการเสนอราคา ในการดำเนินโครงการจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำ ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ.2549 และ พ.ศ.2550 จำนวน 29 โครงการ

คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัยผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 9 ราย เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 คดีหมายเลขดำที่ 95-1-632/2560 คดีหมายเลขแดงที่ 369-1-50/2564  ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 9 คน เป็นจำเลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 5 คดีหมายเลขดำที่ อท 118/2564 และ อท 145/2564

จนมีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ อท 99/2566 และ อท 100/2566 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ดังนี้

จำเลยที่ 1 นางสุนี  สุขประสงค์ดี หรือสมมี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง  มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 จำเลยที่ 1 กระทำผิดดังกล่าว 29 กระทง จำคุกกระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 116 ปี แต่ให้คงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)

 

จำเลยที่ 2  นางสุพรรณี สุขสันต์รุ่งเรือง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองกิจการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง  มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86, มาตรา 157 จำเลยที่ 2 กระทำผิดดังกล่าว 4 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน รวมจำคุก 8 ปี 8 เดือน 80 วัน (การดำเนินการทางวินัย ปัจจุบันองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองมีคำสั่งไล่จำเลยที่ 2 ออกจากราชการแล้วขณะดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง)

 

จำเลขที่ 3  นางอภิสรา บุตสีทา หรืออนุภาพยรรยง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักบริหารงานทั่วไป 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำเลยที่ 3 กระทำผิดดังกล่าว 4 กระทง จำคุกกระทงละ 8 เดือน และปรับกระทงละ 6,000 บาท รวมจำคุก 32 เดือน 24,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 3 ปี (การดำเนินการทางวินัย ปัจจุบันองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ มีคำสั่งไล่จำเลยที่ 3 ออกจากราชการแล้วขณะดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองสวัสดิการและสังคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่)

 

จำเลยที่ 4 นางพักตร์พริ้ง ขจรศักดิพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี กองพัสดุและทรัพย์สิน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 จำเลยที่ 4 กระทำผิดดังกล่าว 4 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน รวมจำคุก 8 ปี 8 เดือน 80 วัน (การดำเนินการทางวินัย จำเลยที่ 4 ลาออกจากราชการไปแล้วตั้งแต่เมื่อปี 2554)

 

 จำเลยที่ 5  นางนพวรรณ ธนะสุวัตถิ์ เจ้าของสถาบันสอนภาษาต่างประเทศและคอมพิวเตอร์ (ECC) ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง  มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำเลยที่ 5 กระทำผิดดังกล่าว 12 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน รวมจำคุก 24 ปี 24 เดือน 240 วัน

 

 จำเลยที่ 6  นางพัชราภา นิตย์ใหม่ หรือผลศิลป์  มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำคุก 2 ปี 2 เดือน 20 วัน และปรับ 46,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 3 ปี

 

จำเลยที่ 9  นายชยพัทธ์ หรือเพชร ดวงสุภา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ทำหน้าที่เจ้าหน้าที่พัสดุ  มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 จำเลยที่ 9 กระทำผิดดังกล่าว 29 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 58 ปี 174 เดือน แต่ให้คงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) (การดำเนินการทางวินัย จำเลยที่ 9 ลาออกไปก่อนแล้วตั้งแต่ปี 2554 )

 

ให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 7  นางสาวกรรณิการ์ ต๊ะบรรจง เจ้าของร้านกรรณิการ์ก่อสร้าง  และจำเลยที่ 8  นางกนกพร ไชยเมืองชื่น เจ้าของร้านกรกนกรุ่งเรืองกิจ  เอกชนผู้เสนอราคา

 

พฤติการณ์ในการกระทำความผิด จากการไต่สวนพบว่า ผู้รับจ้างไม่ได้เป็นผู้มีอาชีพรับเหมาก่อสร้างหรือขุดลอก ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการเสนอราคา การทำสัญญาจ้าง การทำงานรับจ้างขุดลอก และไม่เคยได้รับเงินค่าจ้างงานขุดลอกจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ทั้ง 29 โครงการ

โดยก่อนและระหว่างเริ่มต้นโครงการขุดลอกลำน้ำต่าง ๆ ดังกล่าว จำเลยได้ร่วมกันจัดหาบุคคลต่างๆ ซึ่งส่วนมากเป็นราษฎรประกอบอาชีพค้าขายและรับจ้างทั่วไป โดยว่าจ้างบุคคลต่างๆ ให้ไปจดทะเบียนพาณิชย์ (ร้านค้า) ณ สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ให้มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้างและการขุดลอกลำน้ำ เพื่อเป็นหลักฐานว่าบุคคลต่างๆ ดังกล่าวเป็นผู้มีอาชีพรับจ้างโดยตรงตามที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 กำหนด และให้บุคคลต่างๆ ดังกล่าว เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาลำปาง พร้อมกับให้ลงลายมือชื่อในใบถอนเงินของธนาคารกรุงไทยในส่วนของการมอบฉันทะให้ถอนเงินไว้

ซึ่งจำเลยจะเก็บเอกสารทะเบียนพาณิชย์ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยและใบถอนเงินที่บุคคลต่างๆ ที่ได้ลงลายมือชื่อในส่วนของการมอบฉันทะไว้เพื่อนำรายชื่อของบุคคลต่างๆ เหล่านั้น มาใช้ในการเสนอราคาและเป็นผู้รับจ้างในโครงการขุดลอกลำน้ำต่างๆ ทั้ง 29 โครงการ

ต่อมา จำเลยร่วมกันในลักษณะแบ่งหน้าที่กัน ทำการปกปิดข่าวสอบราคาโครงการจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำในทุกช่องทาง และดำเนินกระบวนการเปิดซองสอบราคาและพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคาทั้ง 29 โครงการ อันเป็นเท็จ ไม่มีผู้มีอาชีพรับเหมาขุดลอกที่แท้จริงเสนอราคา แต่กลุ่มจำเลยจะจัดทำเอกสารใบเสนอราคาจำนวนโครงการละ 3 ราย ในลักษณะเสมือนว่ามีการยื่นเสนอราคาแข่งขันกัน และจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการเปิดซองสอบราคาและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาและการต่อรองราคา มาให้กรรมการเปิดซองสอบราคาฯ แต่ละโครงการลงนามย้อนหลังอันเป็นเท็จและทำการปลอมลายมือชื่อกรรมการเปิดซองสอบราคาฯบางราย เพื่อเป็นเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแต่ละโครงการเท่านั้น

จากนั้นในขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างทั้ง 29 โครงการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ไม่ได้จ่ายเช็คค่าจ้างให้กับผู้รับจ้าง แต่เช็คค่าจ้างได้ถูกกลุ่มจำเลย ซึ่งเป็นผู้เก็บครอบครองบัญชีธนาคารและใบถอนเงิน ไว้ตั้งแต่ต้นนั้น นำไปขึ้นเงินและทำการถอนเงินสดจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาลำปาง ของผู้รับจ้าง โดยว่าจ้างกลุ่มลูกจ้างองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง และกลุ่มลูกจ้างสถาบันภาษาต่างประเทศและคอมพิวเตอร์ (ECC Thailand) รับมอบฉันทะถอนเงินแทน

แล้วกลุ่มจำเลยจึงนำเงินสดโครงการละประมาณ 1,700,000-1,900,000 บาท มาแบ่งส่วนกันที่ห้องทำงานของนางสุนี  สมมี นายกองค์การบริหารส่วน
จังหวัดลำปาง โดยแบ่งเป็นเงินค่าดำเนินงานขุดลอกลำน้ำให้กับผู้รับจ้างผู้มีอาชีพรับเหมาขุดลอกที่เข้าทำงานขุดลอกจริงเพียงจำนวนร้อยละ 60 ของวงเงินตามสัญญาจ้าง ส่วนเงินจำนวนร้อยละ 40 ของวงเงินตามสัญญาจ้าง จะนำมาแบ่งกันระหว่างกลุ่มจำเลย

ที่มา  มติชนออนไลน์

Share:

1 ความคิดเห็น:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์