นายสุชาติ
กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 พร้อมผู้อำนวยการสำนักงาน
ป.ป.ช. ประจำ 8 จังหวัดในเขตพื้นที่ภาค 5 ร่วมแถลงผลการดำเนินงานและความคืบหน้าในการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของสำนักงาน
ป.ป.ช. ประกอบด้วย ภารกิจปราบปรามการทุจริต ภารกิจป้องกันการทุจริต
และภารกิจตรวจสอบทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 ที่ผ่านมา
โดยประเด็นสำคัญได้มีการแถลงผลงานด้านปราบปรามการทุจริต
เรื่องการกล่าวหา นางสุนี สุขประสงค์ดี หรือสมมี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง
กับพวก ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีทุจริตเข้ามีส่วนได้เสีย
และตกลงร่วมกันในการเสนอราคา ในการดำเนินโครงการจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำ
ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ.2549 และ พ.ศ.2550 จำนวน 29
โครงการ
คณะกรรมการ
ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัยผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 9 ราย
เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 คดีหมายเลขดำที่ 95-1-632/2560 คดีหมายเลขแดงที่
369-1-50/2564 ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.
เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 9 คน เป็นจำเลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริต
และประพฤติมิชอบภาค 5 คดีหมายเลขดำที่ อท 118/2564 และ อท 145/2564
จนมีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่
อท 99/2566 และ อท 100/2566 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ดังนี้
จำเลยที่
1 นางสุนี สุขประสงค์ดี หรือสมมี
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา
152 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542
มาตรา 12 จำเลยที่ 1 กระทำผิดดังกล่าว 29 กระทง จำคุกกระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 116 ปี
แต่ให้คงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)
จำเลยที่
2 นางสุพรรณี สุขสันต์รุ่งเรือง
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองกิจการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151
ประกอบมาตรา 86, มาตรา 157 จำเลยที่ 2 กระทำผิดดังกล่าว 4
กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน รวมจำคุก 8 ปี 8 เดือน 80 วัน
(การดำเนินการทางวินัย ปัจจุบันองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองมีคำสั่งไล่จำเลยที่
2 ออกจากราชการแล้วขณะดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง)
จำเลขที่
3 นางอภิสรา บุตสีทา หรืออนุภาพยรรยง
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักบริหารงานทั่วไป 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
157 จำเลยที่ 3 กระทำผิดดังกล่าว 4 กระทง จำคุกกระทงละ 8 เดือน และปรับกระทงละ
6,000 บาท รวมจำคุก 32 เดือน 24,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 3 ปี
(การดำเนินการทางวินัย ปัจจุบันองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ มีคำสั่งไล่จำเลยที่
3 ออกจากราชการแล้วขณะดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองสวัสดิการและสังคม
องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่)
จำเลยที่
4 นางพักตร์พริ้ง ขจรศักดิพันธ์
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี กองพัสดุและทรัพย์สิน
มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 จำเลยที่ 4
กระทำผิดดังกล่าว 4 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน รวมจำคุก 8 ปี 8 เดือน
80 วัน (การดำเนินการทางวินัย จำเลยที่ 4 ลาออกจากราชการไปแล้วตั้งแต่เมื่อปี
2554)
จำเลยที่ 5 นางนพวรรณ ธนะสุวัตถิ์ เจ้าของสถาบันสอนภาษาต่างประเทศและคอมพิวเตอร์
(ECC)
ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151
ประกอบมาตรา 86
และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542
มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำเลยที่ 5 กระทำผิดดังกล่าว 12 กระทง
จำคุกกระทงละ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน รวมจำคุก 24 ปี 24 เดือน 240 วัน
จำเลยที่ 6 นางพัชราภา นิตย์ใหม่ หรือผลศิลป์ มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ
พ.ศ.2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำคุก 2 ปี 2 เดือน 20 วัน
และปรับ 46,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 3 ปี
จำเลยที่
9 นายชยพัทธ์ หรือเพชร ดวงสุภา
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง
ทำหน้าที่เจ้าหน้าที่พัสดุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151
ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ
พ.ศ.2542 มาตรา 12 จำเลยที่ 9 กระทำผิดดังกล่าว 29 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี 6
เดือน รวมจำคุก 58 ปี 174 เดือน แต่ให้คงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
(3) (การดำเนินการทางวินัย จำเลยที่ 9 ลาออกไปก่อนแล้วตั้งแต่ปี 2554 )
ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 7 นางสาวกรรณิการ์
ต๊ะบรรจง เจ้าของร้านกรรณิการ์ก่อสร้าง และจำเลยที่
8 นางกนกพร ไชยเมืองชื่น
เจ้าของร้านกรกนกรุ่งเรืองกิจ เอกชนผู้เสนอราคา
พฤติการณ์ในการกระทำความผิด
จากการไต่สวนพบว่า ผู้รับจ้างไม่ได้เป็นผู้มีอาชีพรับเหมาก่อสร้างหรือขุดลอก
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการเสนอราคา การทำสัญญาจ้าง การทำงานรับจ้างขุดลอก
และไม่เคยได้รับเงินค่าจ้างงานขุดลอกจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ทั้ง 29
โครงการ
โดยก่อนและระหว่างเริ่มต้นโครงการขุดลอกลำน้ำต่าง
ๆ ดังกล่าว จำเลยได้ร่วมกันจัดหาบุคคลต่างๆ ซึ่งส่วนมากเป็นราษฎรประกอบอาชีพค้าขายและรับจ้างทั่วไป
โดยว่าจ้างบุคคลต่างๆ ให้ไปจดทะเบียนพาณิชย์ (ร้านค้า) ณ
สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง
ให้มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้างและการขุดลอกลำน้ำ
เพื่อเป็นหลักฐานว่าบุคคลต่างๆ ดังกล่าวเป็นผู้มีอาชีพรับจ้างโดยตรงตามที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
พ.ศ.2535 กำหนด และให้บุคคลต่างๆ ดังกล่าว เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาลำปาง
พร้อมกับให้ลงลายมือชื่อในใบถอนเงินของธนาคารกรุงไทยในส่วนของการมอบฉันทะให้ถอนเงินไว้
ซึ่งจำเลยจะเก็บเอกสารทะเบียนพาณิชย์
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยและใบถอนเงินที่บุคคลต่างๆ
ที่ได้ลงลายมือชื่อในส่วนของการมอบฉันทะไว้เพื่อนำรายชื่อของบุคคลต่างๆ เหล่านั้น
มาใช้ในการเสนอราคาและเป็นผู้รับจ้างในโครงการขุดลอกลำน้ำต่างๆ ทั้ง 29 โครงการ
ต่อมา
จำเลยร่วมกันในลักษณะแบ่งหน้าที่กัน
ทำการปกปิดข่าวสอบราคาโครงการจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำในทุกช่องทาง
และดำเนินกระบวนการเปิดซองสอบราคาและพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคาทั้ง 29
โครงการ อันเป็นเท็จ ไม่มีผู้มีอาชีพรับเหมาขุดลอกที่แท้จริงเสนอราคา
แต่กลุ่มจำเลยจะจัดทำเอกสารใบเสนอราคาจำนวนโครงการละ 3 ราย
ในลักษณะเสมือนว่ามีการยื่นเสนอราคาแข่งขันกัน
และจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการเปิดซองสอบราคาและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาและการต่อรองราคา
มาให้กรรมการเปิดซองสอบราคาฯ แต่ละโครงการลงนามย้อนหลังอันเป็นเท็จและทำการปลอมลายมือชื่อกรรมการเปิดซองสอบราคาฯบางราย
เพื่อเป็นเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแต่ละโครงการเท่านั้น
จากนั้นในขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างทั้ง
29 โครงการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ไม่ได้จ่ายเช็คค่าจ้างให้กับผู้รับจ้าง
แต่เช็คค่าจ้างได้ถูกกลุ่มจำเลย ซึ่งเป็นผู้เก็บครอบครองบัญชีธนาคารและใบถอนเงิน ไว้ตั้งแต่ต้นนั้น
นำไปขึ้นเงินและทำการถอนเงินสดจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาลำปาง ของผู้รับจ้าง
โดยว่าจ้างกลุ่มลูกจ้างองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง
และกลุ่มลูกจ้างสถาบันภาษาต่างประเทศและคอมพิวเตอร์ (ECC
Thailand) รับมอบฉันทะถอนเงินแทน
แล้วกลุ่มจำเลยจึงนำเงินสดโครงการละประมาณ 1,700,000-1,900,000 บาท มาแบ่งส่วนกันที่ห้องทำงานของนางสุนี สมมี นายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดลำปาง โดยแบ่งเป็นเงินค่าดำเนินงานขุดลอกลำน้ำให้กับผู้รับจ้างผู้มีอาชีพรับเหมาขุดลอกที่เข้าทำงานขุดลอกจริงเพียงจำนวนร้อยละ 60 ของวงเงินตามสัญญาจ้าง ส่วนเงินจำนวนร้อยละ 40 ของวงเงินตามสัญญาจ้าง จะนำมาแบ่งกันระหว่างกลุ่มจำเลย
ที่มา มติชนออนไลน์
ติดคุกจริงหรือ
ตอบลบ