กฟผ.เดินหน้าสร้างเมืองสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) ติดเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศครอบคลุมทุกชุมชน
ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นปัญหาร่วมที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้
แม่เมาะเมืองน่าอยู่ ที่กฟผ.แม่เมาะ พัฒนาให้เป็นเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ
Smart
city และหนึ่งในพันธะกิจ คือการนำแนวคิดในด้านสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart
Environment) มาเป็นหนึ่งในการพัฒนาเมือง เพื่อให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
เพราะถ้าเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ก็จะทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้น
กฟผ.แม่เมาะจึงได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการกับผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
และสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างเป็นระบบ เช่น การจัดการน้ำ
การดูแลสภาพอากาศ การบริหาร จัดการของเสีย
ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นสิ่งหนึ่งที่
กฟผ.แม่เมาะให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ที่ผ่านมา
กฟผ.แม่เมาะ ได้เดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เกิดขึ้นในชุมชน
ทั้งการสนับสนุนการจัดตั้งป่าชุมชน
ซึ่งสามารถผลักดันหมู่บ้านเข้าร่วมโครงการมากกว่า 30%
ของหมู่บ้านในอำเภอแม่เมาะ คิดเป็นพื้นที่ป่ามากกว่า 30,000
ไร่ และยังมีการปลูกป่าในพื้นที่ฟื้นฟูสภาพเหมือง
รวมแล้วช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) มากกว่า
100,000 ตันต่อปี
ส่วนปัญหาหมอกควันไฟป่า
ที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งส่วนมากจะเกิดจากการเผาวัชพืชและเศษใบไม้แห้งเพื่อเตรียมพื้นที่การเกษตร กฟผ.แม่เมาะ จึงได้พัฒนาระบบประเมินปริมาณฝุ่นและคุณภาพอากาศจำลองขึ้นมารองรับ
รวมถึงมีระบบรายงานข้อมูลผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมของ กฟผ. แม่เมาะ
แบบออนไลน์ และพัฒนาแอพพลิเคชัน “Lampang Hotspot” รายงานสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในจังหวัดลำปาง
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทีมดับไฟป่าใช้ในการเฝ้าระวังพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างทันท่วงที
และเพื่อให้ประชาชนได้เตรียมรับมือและปฏิบัติตัวให้เหมาะกับสภาพอากาศ
เป็นหนึ่งในแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพของชาวลำปาง
นับตั้งแต่ปี 2563
กฟผ.ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยการจับมือกับสำนักงานพลังงานจังหวัด (สพจ.)
และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินหน้าแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5
เพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์ โดยดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ Sensor ภายใต้โครงการพัฒนาแอปพลิเคชัน Sensor
for All ครอบคลุม 76 จังหวัดทั่วประเทศ
ตั้งแต่ปี 64 ที่ผ่านมา
โดย จ.ลำปาง ได้มีการติดตั้งไปแล้วในพื้นที่ 9 อำเภอ ทั้งหมด 11 จุด ประกอบด้วย โรงพยาบาลแม่พริก โรงพยาบาลเถิน
สำนักงานสาธารณสุขสบปราบ โรงพยาบาลแม่ทะ สำนักงานพลังงานจังหวัดลำปาง
โรงเรียนอนุบาลลำปาง โรงเรียนแม่เมาะวิทยา
รพ.สต.บ้านท่าสี โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ โรงพยาบาลแจ้ห่ม
โรงพยาบาลวังเหนือ
ในเรื่องนี้ เบญจมาศ ก้างแจ๋ม
หัวหน้าหมวดส่งเสริมสิ่งแวดล้อม หน่วยพัฒนาโครงการ โครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่
เล่าให้ ‘ลานนาโพสต์’ฟังว่า แต่เดิม
กฟผ.ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศมาอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่เริ่มต้นก่อสร้างโรงไฟฟ้าแล้ว โดยมีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์
ของ กฟผ.เองทั้งหมด 11 เครื่อง
เพื่อทำการมอนิเตอร์คุณภาพอากาศโดยรอบโรงไฟฟ้า ไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน นอกจากนั้นยังมีเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษอีกจำนวน
3 เครื่อง ติดตั้งกระจายอยู่ใน 3 ตำบลของ อ.แม่เมาะ คือ ต.แม่เมาะ ต.สบป้าด และ ต.บ้านดง
แต่เนื่องจากค่าที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศของโรงไฟฟ้า
หรือเครื่องตรวจวัดกรมควบคุมมลพิษ อาจจะตั้งอยู่ไกลจากชุมชนออกไป ทำให้ไม่ครอบคลุมในพื้นที่ชุมชนทั้งหมด ใน
อ.แม่เมาะ การเฝ้าระวังเรื่องฝุ่น PM2.5 ยังไม่เข้าถึงชาวบ้านได้เท่าที่ควร
Breath 4 All ลมหายใจเพื่อทุกคน จึงเป็นโครงการที่อยากให้คนในพื้นที่ได้ร่วมกันรวมพลังเพื่อให้ทุกคนได้มีลมหายที่ปลอดภัย
เป้าหมายแรกคือการติดตั้งเครื่องตรวจวัดแบบเซ็นเซอร์
ให้ครอบคลุมพื้นที่ อ.แม่เมาะ
คุณเบญจมาศ กล่าวอีกว่า ในเฟสแรกของโครงการที่มีเป้าหมายติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในอำเภอแม่เมาะ
เพื่อต้องการให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศในชุมชนของตนเอง ได้รับทราบค่าของฝุ่น PM2.5 แบบเรียลไทม์ว่าเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ เพื่อจะได้ป้องกันและดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้
ซึ่ง กฟผ.แม่เมาะ จะมีการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่เชี่ยวชาญด้านการมอนิเตอร์
และการทำแพลตฟอร์ม ให้เป็นข้อมูลที่ชุมชนเข้าถึงได้
เพื่อแจ้งค่าตรวจวัดคุณภาพอากาศผ่านไลน์ OA
เพื่อให้ผู้สูงอายุได้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากการติดตั้งเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแล้ว
กฟผ.แม่เมาะ ยังได้มีการทำงานเชิงรุก ที่ไม่ใช่แค่การรอค่าคุณภาพอากาศแต่เพียงอย่างเดียว
เพราะ Breath
4 All ยังมีโปรเจคย่อยที่เข้าไปสนับสนุนชุมชนให้ตระหนักในเรื่องการรักษาพื้นที่ป่าและลดการเผาด้วย
ไม่ว่าจะเป็น โครงการเห็ดป่าคืนถิ่น
มีการสำรวจพันธุ์เห็ดดั้งเดิมในแต่ละพื้นที่ป่านั้น
เพื่อนำเชื้อเห็ดไปเพาะและนำไปปล่อยให้ออกโดยธรรมชาติ สร้างอาชีพให้กับชาวบ้าน ลดปัญหาการเผาป่า
โดยทางหัวหน้าโครงการได้มีการลงพื้นที่ เกริ่นให้กับชุมชนได้รับทราบ
ทำความเข้าใจกับชาวบ้านในเบื้องต้นแล้ว โครงการชีวมวลร่วมเผา Biomass
Co-firing ที่ กฟผ.แม่เมาะรับซื้อเศษวัสดุทางการเกษตรจากชุมชน
มาผลิตเป็นชีวมวลร่วมเผากับถ่านหินลิกไนต์ ซึ่งการผสมชีวมวลร่วมกับถ่านหินในการเผาจะช่วยลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และซัลเฟอร์ไดออกไซด์
และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ กฟผ.แม่เมาะ
จะนำร่องให้อำเภอแม่เมาะ เป็นเมืองน่าอยู่ Smart City Smart Environment
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น