วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2567

Plant Factory แห่งแรกนำร่องในพื้นที่อพยพ ตำบลบ้านดง นวัตกรรมการเพาะปลูกผักในรูปแบบ Vertical Farming สะอาดปลอดภัย 100%

 


เปิดอย่างเป็นทางการไป เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566  สำหรับโรงเรือนเกษตรกรรมแนวตั้ง  บนพื้นที่อพยพบ้านดง ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ  อีกหนึ่งโปรเจคภายใต้โครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่  ซึ่งนับว่าเป็นโครงการเกษตรแนวตั้งระบบปิดที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ Mae Moh Fresh ผักสดระดับพรีเมี่ยม


Vertical farm การปลูกผักแนวตั้ง เริ่มต้นจาก โครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่” (Mae Moh Smart City) เข้าไปพัฒนาหมู่บ้านอพยพตำบลบ้านดงเพื่อเพิ่มรายได้ให้ชุมชน โดยจับมือร่วมกับบริษัท ไดสตาร์ เฟรช จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเกษตรกรรมแนวตั้งในประเทศไทย และเปิดโอกาสให้เยาวชนในพื้นที่อำเภอแม่เมาะมาร่วมดำเนินการในการบริหารจัดการเกษตรกรรมแนวตั้ง ซึ่ง Plant Factory แห่งแรกนำร่องในพื้นที่อพยพ ตำบลบ้านดง


เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีพื้นที่ทำการเกษตรต่อครัวเรือนน้อย ทั้งดินที่ไม่เหมาะสมกับการเพาะปลูก การปลูกพืชแนวตั้งจึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับพื้นที่อพยพ เนื่องจากเป็นการปลูกพืชไร้ดิน ใช้พื้นที่น้อยแต่ได้ผลผลิตเยอะกว่าการเกษตรแบบเดิม อีกทั้งช่วยลดข้อจำกัดต่าง ๆ ด้านภูมิศาสตร์ สภาพอากาศ โรคและแมลงศัตรูพืชอีกด้วย เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีระบบจึงมีการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบริหารจัดการเกษตรกรรมแนวตั้ง อำเภอแม่เมาะ ขึ้น โดยนำกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันเข้ามาเป็นกลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น เปิดโอกาสให้เยาวชนท้องถิ่นได้ทำงานที่บ้านเกิดของตนเอง พร้อม ๆ กับการนำองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาพัฒนาพื้นที่ ทั้งส่งเสริมให้เกิดอาชีพที่สร้างรายได้ นำพาอำเภอแม่เมาะสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างแท้จริง


โรงเรือนเกษตรกรรมแนวตั้งระบบปิด ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ

น.ส.สุจารี ฟักเล็ก ประชาสัมพันธ์และฝ่ายการตลาด โครงการเกษตรแนวตั้ง  ซึ่งเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่กลับคืนสู่บ้านเกิด เล่าให้ฟังว่า ที่โรงเรือน Mae moh fersh ปัจจุบันปลูกผักทั้งหมด 11 ชนิดได้แก่ กรีนคอส กรีนโอ๊ค บัตตาเวีย บัตเตอร์เฮด ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก มิซูน่า อิตาเลี่ยนเบซิล ร็อกเก็ต ไวลด์ร็อคเก็ต และผักซุปเปอร์ฟู๊ดอย่างเคลและสวิสชาร์ด  ซึ่งเราสามารถปลูกผักได้ตลอดทั้งปี ได้ทุกฤดูกาล เพราะการปลูกในโรงเรือนเกษตรกรรมแนวตั้งระบบปิด หรือ ที่เรียกว่า Plant Factory เป็นการปลูกพืชที่เราสามารถควบคุมปัจจัยการผลิตได้ 100% ผักที่ปลูกใน Plant Factory มีการควบคุมสิ่งแวดล้อมไว้ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิ น้ำ ความชื้น แสงสว่าง สารอาหารและสิ่งจำเป็นที่ผักต้องการทุกอย่าง เพื่อให้ผักได้รับสิ่งที่ดีที่สุด จึงทำให้ผักของ Mae Moh Fresh เติบโตแบบไม่เครียด เติบโตแบบร่าเริง เป็นผักอวบอ้วนน่าทาน “Happy Veggie”

ซึ่งปริมาณผลผลิตที่ได้นั้น ใน 1 เดือน สามารถปลูกได้ 2 รอบ ระยะเวลาการเจริญเติบโตต่อรอบคือ จะอยู่ในห้องเพาะปลูกหรือ Seeding 15 วัน จากนั้นย้ายผักไปห้องเติบโต หรือ Vegetative อีก 15 วัน ครบ 30 วัน สามารถเก็บผลผลิตได้ โดยมีผลผลิตที่ได้ประมาณ 10,000 ต้น/เดือน 



สะอาดปลอดภัย ทานได้เลยไม่ต้องล้าง

และจุดเด่นที่สำคัญของการปลูกพืชด้วยระบบ Plant Factory คือ ใช้น้ำน้อยมาก ซึ่งใช้เพียง 1% ของการปลูกแบบเกษตรกรรมทั่วไป (Outdoor) เท่านั้น โดยมีการติดตั้งระบบน้ำ Reverse Osmosis (R.O.) ใช้เป็นน้ำตั้งต้นในการปลูก เปรียบเสมือนน้ำดื่ม และอุปกรณ์ในการปลูก การเก็บเกี่ยว รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่อยู่ในส่วน Plant factory ล้วนแต่เป็นวัสดุฟู้ดเกรด ดังนั้นผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าผักจาก Mae Moh Fresh  เป็นผักที่สะอาด และปลอดภัยแน่นอน 100%



สำหรับราคาผักที่หลายคนอาจมองว่ามีราคาสูงเกินไปนั้น 

น.ส.สุจารี กล่าวว่า  เราเลือกที่จะปลูกพืชในห้องปลอดเชื้อ พนักงานทุกคนจะสวมชุด PPE และอุปกรณ์ป้องกันการปนเปื้อนพร้อมเดินผ่าน air shower ทุกครั้ง เพื่อดักฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ โครงสร้างและวัสดุล้วนแล้วแต่เป็นฟู้ดเกรด อีกทั้งยังควบคุมสภาพแวดล้อมต่างๆ และมั่นใจได้เลยว่าโรงเรือนของเราไม่มีการใช้ยาหรือสารฆ่าแมลงทุกชนิดในทุกขั้นตอนของกระบวนการปลูก ทำให้ผลผลิตที่ได้มีความสะอาด ปลอดภัย ปราศจากสารตกค้างจากการใช้สารอันตรายต่างๆ ผักสามารถทานสดได้โดยไม่ต้องล้าง ถ้าเทียบกับคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย และมีคุณค่าทางสารอาหารเต็มเปี่ยมขนาดนี้ ราคาที่จำหน่ายคิดว่าเป็นราคาที่เหมาะสม ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้


แนวทางวางแผนการขายและขยายตลาด

          รูปแบบการขายของเราหลักๆ Mae Moh Fresh ใช้วิธีส่งผักตรงถึงผู้บริโภคเพื่อต้องการให้ผักที่เก็บเกี่ยวออกมาไปถึงผู้บริโภคไวที่สุด  โดยทำในรูปแบบสมาชิก subscription ตั้งแต่ 1 เดือน 3 เดือน จนถึง 1 ปี โดยจะได้รับผักเป็นรายสัปดาห์ สัปดาห์ละ 10 หน่วยตลอดจนครบระยะเวลาที่ลูกค้า subscription โดยลูกค้าทุกท่านสามารถเลือกชนิดผักได้ตามที่ต้องการ โดยการจัดส่งผักตรงถึงผู้บริโภค ซึ่งพื้นที่ใกล้เคียงผักจะถูกส่งถึงหน้าบ้านลูกค้าภายใน 3 ชั่วโมง  ส่วนต่างจังหวัดผักจะถึงมือลูกค้าภายใน 1 วัน ควรเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นและทานภายใน 3 วันเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์สูงสุด เพราะการทานผักหลังเก็บเกี่ยวใหม่ ๆ ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีผักสด ๆ จากฟาร์มนำไปวางขายที่ร้านกาแฟ the blocks อำเภอแม่เมาะ และร้านกาแฟคุณสายชล สำนักงานส่วนกลาง กฟผ. จ.นนทบุรีอีกด้วย




Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์