เมื่อเวลา
14.03 น. วันที่ 27 มีนาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี
นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม
เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่
...) พ.ศ.... ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับสมรสเท่าเทียมของกลุ่มหลากหลายทางเพศ
ภายหลังจากมีการอภิปรายอย่างกว้างขวางในวาระ 2 จนครบ 38 มาตรา
จากนั้นประธานในที่ประชุมได้เรียกสมาชิกลงมติ
ในวาระ 3 โดยมีผู้ลงมติจำนวน 414 คน ปรากฏว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เห็นด้วย 399 เสียง ไม่เห็นด้วย 10 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง
นอกจากนี้
ที่ประชุมยังได้มีการลงมติว่าจะเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากหรือไม่
โดยมีผู้ลงมติจำนวน 401 คน ปรากฏว่า เห็นด้วย 393 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง
1 เสียง ไม่ลงคะแนน 4 เสียง
ทำให้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่าง
พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทำให้คณะกรรมาธิการต่างปรบมือ
และโบกธงสีรุ้งด้วยความดีใจ
สำหรับเนื้อหาของร่างกฎหมายดังกล่าว
ได้กำหนดให้การสมรสหรือแต่งงานครอบคลุมบุคคลทุกเพศ ไม่จำกัดแค่เพศชายและเพศหญิง
พร้อมทั้งให้อายุการสมรสเป็น 18 ปี จากเดิม 17 ปี และการบัญญัติคำว่า “บุพการีลำดับแรก” ในกฎหมายให้มีสิทธิและหน้าที่เทียบเท่าบิดามารดา
ทั้งนี้
ประเทศไทย จะถือเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศที่ 3
ในเอเชีย ที่ผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม
ที่มา ไทยรัฐ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น