วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

ึพ่อเฒ่าสุดช้ำ เพราะความไว้ใจ ถูกหนุ่มญาติห่างๆ หลอกให้จำนองบ้านและที่ดิน สุดท้ายโฉนดถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าของคนใหม่ บอกให้ย้ายออกภายในเดือนเมษายนนี้

 

คุณตาวัย 74 ปี พิการตาพร่ามัว เลี้ยงหลาน-เหลน 3 คน ร้องถูกคนรู้จักพาไปจำนองโฉนดที่ดินบ้านที่อยู่อาศัย ผ่านมาเกือบ 1 ปี กลับกลายบ้านถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าของใหม่ บอกให้เตรียมขนย้ายออกจากบ้าน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ในชุมชนหนองบัว ม.5 ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพักอาศัยของนายสุพรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 74 ปี พิการตาพร่ามัว มองเห็นได้เพียงใกล้ๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน  หลังจากนายสุพรรณ ได้เข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองลำปาง ว่าถูกญาติห่างๆกันทำทีหวังดีเข้ามาแนะนำช่วยเหลือในการหาเงินมาใช้จ่ายภายในครอบครัว โดยการนำบ้านไปจำนอง แต่สุดท้ายกลับถูกขาย และเปลี่ยนเจ้าของใหม่โดยที่ตนเองไม่ทราบเรื่อง มารู้อีกทีก็เมื่อเจ้าของรายใหม่มาหาและบอกว่าให้ย้ายออกในเดือนเมษายนนี้ 



นายสุพรรณ เปิดเผยว่า ตนได้อาศัยอยู่กับลูกสาว  1 คน หลานสาว  1 คน และเหลน อีก 1 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด รวมอยู่บ้านหลังนี้ 4 คน มีอาชีพขายเช่าพระเครื่อง โดยก่อนหน้านี้ตนมีปัญหาด้านการเงิน เนื่องจากขับรถไปประสบอุบัติเหตุทางถนนเฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหายไป 2 คัน  เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง  และไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายให้คู่กรณี  ตนได้เงินจากเบี้ยคนพิการ และผู้สูงอายุก็ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องขายทรัพย์สินหลายๆอย่างภายในบ้าน เพื่อเลี้ยงครอบครัว  ส่วนลูกสาวและหลานสาวก็ไปทำงานสลับสับเปลี่ยนกัน  ทำให้การเงินขัดสนมาก

และได้มีนายเนตร ที่เป็นญาติห่างๆกัน มาแนะนำและหาทางช่วยเหลือในการหาเงินมาหมุนเวียนใช้จ่าย โดยเสนอให้นำโฉนดที่ดินไปจำนอง เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยนายเนตร และ หญิงคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าดำเนินการทำธุรกรรมทั้งหมด ตนก็ไว้ใจให้เขาจัดการให้  จนกระทั่งต้องไปทำธุรกรรม ที่สำนักงานที่ดินฯ ซึ่งตนเองสายตาไม่ดี ไม่สามารถอ่านได้ จึงให้เจ้าหน้าที่ฯอ่านให้ฟัง  บอกว่าโฉนดที่ดินที่ตนเองถือกรรมสิทธิ์  จะต้องถูก เปลี่ยนชื่อไปเป็นของชายคนหนี่ง ชื่อ อนุพงษ์ อาศัยอยู่ที่ จ.เชียงราย  ตอนนั้นตนเองไม่ยินยอม จนมีการเจรจาต่างๆนานา และทราบว่าจะได้รับเงินประมาณ 3 แสนบาทเพื่อนำไปใช้หนี้และใช้จ่ายในครอบครัว  เขาบอกว่า “เชื่อใจผม”  เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ ตนเองจึงยินยอมเซ็นเอกสาร

นายสุพรรณ เล่าต่อไปว่า  จากนั้นได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของตนเอง 1 แสนกว่าบาท อ้างว่าเป็นเงินที่จำนองที่ดิน ให้เอาไปรักษาดวงตาก่อนและใช้จ่ายในครอบครัว และจะทำการไถ่ถอนให้ภายหลัง  ส่วนเงินที่เหลือนายเนตรอ้างว่า มีค่าดำเนินการ ค่าจิปาถะหลายอย่างรวมเป็นแสนกว่าบาท ตนเองก็ตกใจว่าถูกหักเงินเป็นแสนเลยหรือ จึงเกิดการระแคะระคายมาโดยตลอด  กระทั่งเดือน กุมภาพันธุ์ 2567 คนที่ชื่อ อนุพงษ์ ได้โทรศัพท์มาหาตน บอกว่าให้เตรียมตัวขนย้ายสิ่งของ และออกจากบ้านหลังนี้ ภายในวันที่ 16 เมษายน 2567 เพราะชื่อบ้านเป็นชื่อผม หากไม่ออกจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดี

ตนพยายามติดต่อนายเนตร มาตลอดแต่ไม่เคยติดต่อกลับ จนวันที่ 26 มีนาคม 2567 นายเนตรได้ติดต่อกลับมา ตนเองจึงขอให้มาพบและมาแก้ไขปัญหานี้ และในวันที่ 27 มีนาคม 2567 ตนเอง พร้อมกับคนที่เข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้ ได้เดินทางไปที่ ศูนย์ดำรงธรรม จ.ลำปาง และศูนย์ดำรงธรรม อ.เมืองลำปาง พร้อมนายเนตรได้ไปให้ถ้อยคำและ ทำหนังสือสัญญาประนีประนอมหนี้  โดยนายเนตรยินยอมชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 154,560 บาท ซึ่งได้เอาไปจากตน ไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566  จะคืนให้ภายในวันที่ 9 เมษายน 2567 เพื่อดำเนินการซื้อคืนบ้านพร้อมที่ดิน จากอนายอนุพงษ์  

ซึ่งหลังได้มีการทำข้อตกลงไกล่เกลี่ยกันแล้ว ตนเองก็ดีใจขึ้นมาบ้าง เพราะยังต้องเลี้ยง ลูก หลาน เหลน อีก แต่หลังจากนี้ไปก็จะดูว่าจะได้เงินและที่ดินคือหรือไม่ ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเทศบาลเมืองเขลางค์นคร และส่วนต่างๆได้เดินทางมายังบ้านหลังนี้ เพื่อหาข้อมูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนต่อไป

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์