สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ (Hub of Talents on Air Pollution and Climate – HTAPC) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์ลำปาง จัดการเสวนาวิชาการระดับนานาชาติ “PM 2.5 โอกาสและความท้าทายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยมีดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิด และรองศาสตราจารย์ ดร.สสิธร เทพตระการพร คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษ อากาศและภูมิอากาศ ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ร่วมประชุมเสวนา ณ อาคารบุญชูปณิธานมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567
ในปี
2566 วช. จึงริเริ่มพัฒนาเป็นศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ มี
ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ
โดยศูนย์มีบทบาทหน้าที่ในการเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายของผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในระดับประเทศและในระดับนานาชาติ
ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในศาสตร์และวิทยาการสาขาต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
องค์ความรู้ และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศและการเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศทั้งในระดับประเทศ
ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ โดยไม่ได้อยู่ภายใต้สังกัดของสถาบันการศึกษาใดสถาบันหนึ่ง
เพื่อให้ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญฯ ได้รับความร่วมมือจากหลากหลายสถาบันอย่างแท้จริง
ดร.สุพัฒน์
หวังวงศ์วัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ วช.
กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของจัดการเสวนาวิชาการระดับนานาชาติ “PM
2.5 โอกาสและความท้าทายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” จัดขึ้นเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหา PM 2.5 แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการแก้ไขปัญหา PM 2.5
อย่างยั่งยืน และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ด้านการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ทั้งในและต่างประเทศ
จากการเสวนาในครั้งนี้
นอกจากจะเป็นการนำสิ่งที่ไม่เข้าใจในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับฝุ่นละออง PM2.5 ก็จะนำไปสู่การนำเสนอแนวทางการเตรียมรับมือด้านสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 ด้วยวิจัยและนวัตกรรม เพื่อเป็นข้อมูลแก่ประชาชนในการเฝ้าระวัง
การเผชิญเหตุเมื่อปริมาณฝุ่น PM2.5 สูงขึ้น เพื่อลดผลกระทบทางด้านสุขภาพ
ข้อควรปฏิบัติ เพื่อรักษาคุณภาพชีวิตของผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ในช่วงเวลาวิกฤตของพื้นที่
การจัดการพื้นที่ SAFE ZONE หรือพื้นที่ปลอดฝุ่น รวมถึงร่วมกันเสนอมาตรการที่เหมาะสมในการจัดการฝุ่น
PM2.5 ที่เหมาะสมกับรายบุคคล ทั้งนี้ วช.
และศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ จะนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุนทุนจาก
วช. ที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ประชาชน เฝ้าระวัง ป้องกันฝุ่น
PM2.5 สร้างความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนัก อันจะนำไปสู่
สุขภาพ คุณภาพ ชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีในอนาคต
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น