กรณีการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็ว และกล้อง
CCTV
ยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ขณะที่ ผอ.แขวงทางหลวงลำปางที่ 1 เผยว่าเป็นเรื่องดีที่มีการสะท้อนปัญหานี้
ซึ่งการติดตั้งป้ายบังคับความเร็ว กล้องตรวจจับความเร็ว และกล้อง CCTV ทำเพื่อความปลอดภัยของผู้รถใช้ถนน เชื่อว่าเจ้าของโครงการคิดมาดีแล้ว
นายโสภณ
วีระวัฒนยิ่งยง ผอ.แขวงทางหลวงลำปาง ที่ 1
กล่าวว่า โครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดเส้นทางลำปาง-ลำพูน
ได้รับงบประมาณจากกองทุนความปลอดภัยทางถนน รูปแบบโครงการมี 3 ส่วน กล้องตรวจการ 18 ตัว กล้องจับความเร็ว 6 ตัว จอแสดงผล 2 จอ
ตอนนี้โครงการยังไม่ได้ส่งมอบให้กับตำรวจทางหลวง
จึงยังไม่ได้บังคับใช้ทางกฎหมาย
เส้นทางนี้กายภาพของถนนเท่าที่ทราบจะอยู่ในพื้นที่
2 จังหวัด ลำปางและลำพูน สำหรับ จ.ลำปางเป็นทางเขาลาดชัน และเป็นทางโค้งคดเคี้ยว
มีการจำกัดความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว แต่บางช่วงที่เป็นเส้นทางวิกฤต
ทั้งคดเคี้ยวและอยู่บนทางลาดชัน จะมีการกำหนดอัตราความเร็วอยู่ที่ 50 ก.ม./ช.ม.
ส่วนในพื้นที่ จ.ลำพูน มีกำหนดการใช้ความเร็วเพิ่มเติม
เช่นทางตรงที่มีความลาดชันและยาว อยู่ที่ 80 ก.ม./ช.ม. เพื่อป้องปรามให้ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามหลักวิศวกรรม
เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
ผู้ใช้รถใช้ถนนจะมีผู้ใช้ทางประจำ จะมีการใช้ความเร็วค่อนข้างสูงแต่ก็สามารถควบคุมรถได้ ขณะเดียวกันผู้ที่ไม่ชำนาญกับเส้นทางนี้ เช่นนักท่องเที่ยว หากใช้ความเร็วสูง ก็อาจจะมีผลต่อความปลอดภัย เพราะเขาไม่ทราบว่าข้างหน้ามีทางโค้งคดเคี้ยว หรือขึ้นเขาอย่างไรบ้าง อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ จึงต้องมีการติดตั้งป้ายจำกัดความเร็วเป็นช่วง ในจุดที่มีความวิกฤต ซึ่งทางกรมทางหลวงได้ติดตั้งป้ายก่อนที่จะมีโครงการนี้แล้ว
ผอ.แขวงทางหลวงลำปาง
ที่ 1 กล่าวอีกว่า การสะท้อนปัญหาออกมาเป็นเรื่องดี
ทางโครงการจะได้รับทราบปัญหาต่างๆ เชื่อว่าคนคิดโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้เส้นทางอยู่แล้ว
โครงการนี้จะเป็นประโยชน์ จากการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจะได้ศึกษารูปแบบของเส้นทาง ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อให้ผู้ใช้รถได้อย่างปลอดภัย ในส่วนของผู้ที่ไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องกล้องตรวจจับความเร็วในเส้นทางนี้ เกรงว่าจะมีการตรวจจับความเร็วในพื้นที่ลงเขา
ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงความเร็วกะทันหัน ทางแขวงฯจะได้มีการพูดคุยกับตำรวจทางหลวงในพื้นที่ว่าจะไม่ตรวจจับในจุดวิกฤตเหล่านี้
หรือปรับเปลี่ยนจุดติดตั้งอย่างไรได้บ้าง
เส้นทางนี้มองถึงกายภาพของทางแล้ว เป็นโครงข่ายที่สำคัญมากเป็นประตูสู่ จ.ลำพูน จ.เชียงใหม่ ที่คนเดินทางมาจากภูมิภาคอื่นๆ ดูแลเส้นทางนี้ยอมรับว่าหนักใจ เพราะเวลาเกิดอุบติเหตุมีการปิดจราจร ผู้ใช้รถใช้ถนนใช้ความเร็วสูง ช่องจราจรปิดไป 1 เลนระหว่างเคลียร์อุบัติเหตุ รถวิ่งลงเนินมาด้วยแรงโน้มถ่วงความเร็วจะเพิ่มโดยอัตโนมัติทันที ถ้าไม่ใช้เกียร์ต่ำ ทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้ จึงต้องติดตั้งป้ายเตือนต่างๆ เพื่อให้ใช้ความเร็วที่เหมาะสม
เชื่อว่าคนคิดโครงการมองแล้วว่า
จุดนี้รูปแบบการศึกษารายงานได้หลายมิติ เพราะฝั่งลำปางจะเป็นทางขึ้นเขา คดเคี้ยว อีกด้านฝั่งลำพูนเป็นทางตรงยาว
มีขึ้นเนินบ้างบางจุด ด้วยกายภาพของถนนที่แตกต่างค่อนข้างมาก
เป็นผลดีของการศึกษาวิเคราะห์ เพื่อเป็นโครงการนำร่องนำไปใช้ในจโครงการอื่นๆต่อไป
สำหรับสถิติการเกิดอุบัติเหตุเส้นทางดอยขุนตาล
ลำปาง-ลำพูน วันที่ 1 ม.ค.64 ถึง
28 พ.ค.67 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 21 ครั้ง เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 11 คน ลักษณะที่เกิดเหตุ เป็นทางตรง
3 ครั้ง ทางโค้งปกติ 10 ครั้ง
ทางลาดชัน 8 ครั้ง
รถที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นรถยนต์กระบะ 8 คัน รถบรรทุกมากกว่า 6 ล้อ ไม่เกิน 10 ล้อ 6 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และรถอื่นๆ 2 คัน ผู้ประสบเหตุจะอยู่ในช่วงอายุ 40-50 ปีขึ้นไป เป็นส่วนใหญ่
รองลงมาคือช่วงอายุ 25-39 ปี
ขอให้ท่านมาขับรถตามที่กำหนด ไม่ต้องมีรถนำขบวน ไม่ต้องมีคนคุ้มกัน จะได้รู้มันสมเหตุสมผลไหม
ตอบลบ