เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 13.30 น.
กลุ่มชาวบ้านขุนอ้อนพัฒนา หมู่ 8 ต.บ้านอ้อน อ.งาว จ.ลำปาง และตัวแทนชาวบ้านจาก
อ.แม่เมาะ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง รวมตัวกันกว่า
150 คน เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดลำปาง เพื่อเรียกร้องขอคืนที่ดินทำกินให้กับชาวบ้าน
พร้อมผลักดันการออกโฉนดชุมชน และขอให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดพิทักษ์ไพรหยุดเข้าตรวจสอบในพื้นที่การทำไร่หมุนเวียนของชาวบ้าน โดยมีการยื่นหนังสือถึง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ปลัดกระทรวงฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด โดยมีนายชนาธิป เสมแย้ม
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายสุรชัย
แสงสิริ ผอ.ทสจ.ลำปาง นายประสิทธ์ ท่าช้าง
ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง
และนิติกรศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง
ร่วมกันรับหนังสือ
สำหรับการรวมตัวกันของชาวบ้านเกิดจาก เมื่อวันที่ 13
มิ.ย.67 ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่หน่วยฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ
ป่าแม่โป่ง ที่ 6 ได้เข้าไปในพื้นที่ บ้านขุนอ้อนพัฒนา
หมู่ที่ 8 ต.บ้านอ้อน อ.งาว ซึ่งทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ป่าแม่โป่ง โดยไม่แจ้งให้ชุมชนทราบล่วงหน้า และแสดงแผนที่อ้างว่าพบแปลงบุกรุกจำนวน 22 แปลงอยู่ในพื้นที่การจัดการทรัพยากรของชุมชน ซึ่งชุมชนยืนยันว่าเป็นพื้นที่ทำกินดั้งเดิมของชุมชนที่ได้สำรวจแนวเขตไว้แล้ว
ต่อมาชาวบ้านทราบว่าการตรวจสอบดังกล่าวเป็นนโยบาย
‘พิทักษ์ไพร’ ของกรมป่าไม้ เพื่อการตรวจสอบข้อมูลเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าตามโครงการจัดทำข้อมูลสภาพพื้นที่ป่า
ปี พ.ศ. 2566 โดยเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาดำเนินการในชุมชนนั้นไม่ได้แจ้งแผนปฏิบัติการหรือคำสั่งดังกล่าวต่อชุมชน
และทำเกินขอบเขตเรื่องการตรวจสอบพื้นที่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจระบบการทำไร่หมุนเวียนของชาวบ้าน
ซึ่งต้องมีการหมุนเวียนและพักฟื้นพื้นที่เป็นระยะ
3-4 ปีก่อนจะกลับเข้าไปใช้พื้นที่ใหม่ โดยเจ้าหน้าที่นั้นยืนยันว่าหากเป็นการทำไร่หมุนเวียนจำเป็นต้องมีการตรวจยึดแล้วนำเข้าสู่โครงการปลูกป่า
ถือเป็นเจตนาการคุกคามระบบไร่หมุนเวียนโดยตรง
ยึดคืนที่ดินทำกินของชาวบ้านอย่างไม่เป็นธรรม
ทั้งนี้
กลุ่มชาวบ้านได้ยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยุติปฏิบัติการตามนโยบายพิทักษ์ไพร ในระดับพื้นที่ไว้ก่อน
รอจนกว่าทางกลุ่มสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
(ขปส.: P-Move) จะมีความชัดเจนจากการประชุมร่วมกันในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อน ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้
2.ขอให้หน่วยงานชี้แจงกระบวนการตรวจสอบแปลงที่ดินทำกินของชาวบ้านขุนอ้อนพัฒนา
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากชาวบ้านเห็นว่าไม่มีความชอบธรรม
อาจขัดต่อระเบียบในทางปฏิบัติของกรมป่าไม้
นอกจากนั้นให้ทุกหน่วยเปิดเผยข้อมูลตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์ไพรทั้งหมด
3.ชาวบ้านขอยืนแนวทางการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบโฉนดชุมชน
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการผลักดันผ่านคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) เป็นประธาน
และขอยืนยันปฏิเสธแนวทางโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน
ตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และปฏิเสธการใช้มติคณะรัฐมนตรี
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 เรื่อง
กรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท)
ด้านนายประสิทธิ์
ท่าช้าง ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง ได้รับปากกับชาวบ้านว่าจะชะลอการปฏิบัติการตามนโยบายพิทักษ์ไพรไปก่อน
เพื่อรอความชัดเจนในการประชุมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ตามที่ชาวบ้านได้ร้องขอ
ส่วนประเด็นข้อเรียกร้องอื่นจะต้องต้องมีการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่ชัดเจนอีกครั้ง
นอกจากนั้นยังมีนายสุรชัย
บุญจิรวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ผาช่อ ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ
เป็นตัวแทนชาวบ้าน 3 ตำบล คือ ต.ร่องเคาะ ต.วังทอง และ
ต.วังทรายคำ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้กับชาวบ้าน
รวมกว่า 533 ครัวเรือน พื้นที่ทำกินรวม 8,135 ไร่ ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพิกัดที่ดินทำกินของชาวบ้านให้ชัดเจน
หลังถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ายึดคืนพื้นที่ของชาวบ้านที่ได้มีการทำกินมานานแล้ว ตอนไปยึดไม่ได้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน หรือชาวบ้าน ทำให้ประสบปัญหาไม่มีที่ดินทำกินบางคนถึงกับต้องย้ายออกจากพื้นที่
ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านมีหลักฐานและพิกัดแต่ละแปลง
เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ได้ว่าชาวบ้านมีการทำกินมาก่อนจริง ขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในเรื่องนี้ด้วย
กรมป่าไม้ โดยสำนักจัดการที่ดินป่าไม้ ได้จัดทำโครงการจัดทำข้อมูลสภาพพื้นที่ป่าไม้
ตอบลบปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยคณะวนศาสตร์ พบว่าพื้นที่ป่าไม้ในปี พ.ศ. ๒๕๖๖
ได้ลดลง จำนวน ๓.๑๗ แสนไร่ ทั้งนี้ สำนักจัดการที่ดินป่าไม้ ได้จำแนกพื้นที่ที่ลดลงในความรับผิดชอบกรมป่าไม้
ที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบจำนวน ๖๓,๖๐๒ แปลง เนื้อที่ ๒.๔๒ แสนไร่
ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดย ไม่มี พื้นที่ที่ได้ยื่นขออนุญาต /ได้รับอนุญาตตามโครงการจัดที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) แต่อย่างใด
กรมป่าไม้ จึงให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๑ - ๑๓ และสำนักจัดการ
ทรัพยากรป่าไม้สาขาทุกสาขา สั่งการหน่วยป้องกันรักษาป่า เร่งรัดการตรวจสอบข้อมูลเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่า
รหัส S,M.L ตามแนวทางการตรวจสอบ จุดเปลี่ยนแปลงพื้ นที่ป่ในแอปพลิเคชันพิทักษ์ไพร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่หน่วย ทั้งนี้ การตรวจสอบพื้นที่ป่าเปลี่ยนแปลงตามโครงการฯ ดังกล่าว เป็นคนละภารกิจกับระบบพิทักษ์ไพร ซึ่งปฏิบัติอยู่เป็นปกติที่ใช้การค้นหาพื้นที่บุกรุกด้วยภาพถ่ายดาวเทียม