วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ชาวกะเหรี่ยงบ้านขุนอ้อนพัฒนา อ.งาว กว่า 150 คน บุกศาลากลางยื่นเรียกร้องเจ้าหน้าที่ป่าไม้หยุดคุกคามชาวบ้านทำไร่หมุนเวียน ย้ำขอโฉนดชุมชน ไม่เอา คทช.


       

        เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 13.30 น. กลุ่มชาวบ้านขุนอ้อนพัฒนา หมู่ 8 ต.บ้านอ้อน อ.งาว จ.ลำปาง และตัวแทนชาวบ้านจาก อ.แม่เมาะ  อ.วังเหนือ จ.ลำปาง รวมตัวกันกว่า 150 คน เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดลำปาง เพื่อเรียกร้องขอคืนที่ดินทำกินให้กับชาวบ้าน พร้อมผลักดันการออกโฉนดชุมชน และขอให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดพิทักษ์ไพรหยุดเข้าตรวจสอบในพื้นที่การทำไร่หมุนเวียนของชาวบ้าน  โดยมีการยื่นหนังสือถึง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   ปลัดกระทรวงฯ  และผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด  โดยมีนายชนาธิป เสมแย้ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  นายสุรชัย แสงสิริ ผอ.ทสจ.ลำปาง  นายประสิทธ์ ท่าช้าง ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง และนิติกรศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง  ร่วมกันรับหนังสือ  


          สำหรับการรวมตัวกันของชาวบ้านเกิดจาก  เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่หน่วยฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่โป่ง ที่ 6 ได้เข้าไปในพื้นที่ บ้านขุนอ้อนพัฒนา หมู่ที่ 8 ต.บ้านอ้อน อ.งาว ซึ่งทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่โป่ง โดยไม่แจ้งให้ชุมชนทราบล่วงหน้า  และแสดงแผนที่อ้างว่าพบแปลงบุกรุกจำนวน 22 แปลงอยู่ในพื้นที่การจัดการทรัพยากรของชุมชน ซึ่งชุมชนยืนยันว่าเป็นพื้นที่ทำกินดั้งเดิมของชุมชนที่ได้สำรวจแนวเขตไว้แล้ว  


ต่อมาชาวบ้านทราบว่าการตรวจสอบดังกล่าวเป็นนโยบาย พิทักษ์ไพรของกรมป่าไม้  เพื่อการตรวจสอบข้อมูลเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าตามโครงการจัดทำข้อมูลสภาพพื้นที่ป่า ปี พ.ศ. 2566  โดยเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาดำเนินการในชุมชนนั้นไม่ได้แจ้งแผนปฏิบัติการหรือคำสั่งดังกล่าวต่อชุมชน  และทำเกินขอบเขตเรื่องการตรวจสอบพื้นที่  เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจระบบการทำไร่หมุนเวียนของชาวบ้าน  ซึ่งต้องมีการหมุนเวียนและพักฟื้นพื้นที่เป็นระยะ 3-4 ปีก่อนจะกลับเข้าไปใช้พื้นที่ใหม่    โดยเจ้าหน้าที่นั้นยืนยันว่าหากเป็นการทำไร่หมุนเวียนจำเป็นต้องมีการตรวจยึดแล้วนำเข้าสู่โครงการปลูกป่า  ถือเป็นเจตนาการคุกคามระบบไร่หมุนเวียนโดยตรง ยึดคืนที่ดินทำกินของชาวบ้านอย่างไม่เป็นธรรม



ทั้งนี้ กลุ่มชาวบ้านได้ยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยุติปฏิบัติการตามนโยบายพิทักษ์ไพร ในระดับพื้นที่ไว้ก่อน รอจนกว่าทางกลุ่มสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.: P-Move)  จะมีความชัดเจนจากการประชุมร่วมกันในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อน  ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้

2.ขอให้หน่วยงานชี้แจงกระบวนการตรวจสอบแปลงที่ดินทำกินของชาวบ้านขุนอ้อนพัฒนา เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากชาวบ้านเห็นว่าไม่มีความชอบธรรม อาจขัดต่อระเบียบในทางปฏิบัติของกรมป่าไม้ นอกจากนั้นให้ทุกหน่วยเปิดเผยข้อมูลตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์ไพรทั้งหมด

 3.ชาวบ้านขอยืนแนวทางการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบโฉนดชุมชน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการผลักดันผ่านคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) เป็นประธาน และขอยืนยันปฏิเสธแนวทางโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และปฏิเสธการใช้มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 เรื่อง กรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท)


ด้านนายประสิทธิ์ ท่าช้าง ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง ได้รับปากกับชาวบ้านว่าจะชะลอการปฏิบัติการตามนโยบายพิทักษ์ไพรไปก่อน เพื่อรอความชัดเจนในการประชุมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ตามที่ชาวบ้านได้ร้องขอ ส่วนประเด็นข้อเรียกร้องอื่นจะต้องต้องมีการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่ชัดเจนอีกครั้ง

นอกจากนั้นยังมีนายสุรชัย บุญจิรวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ผาช่อ ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ เป็นตัวแทนชาวบ้าน 3 ตำบล คือ ต.ร่องเคาะ ต.วังทอง และ ต.วังทรายคำ  เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้กับชาวบ้าน รวมกว่า 533 ครัวเรือน พื้นที่ทำกินรวม 8,135 ไร่  ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพิกัดที่ดินทำกินของชาวบ้านให้ชัดเจน หลังถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ายึดคืนพื้นที่ของชาวบ้านที่ได้มีการทำกินมานานแล้ว  ตอนไปยึดไม่ได้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน หรือชาวบ้าน ทำให้ประสบปัญหาไม่มีที่ดินทำกินบางคนถึงกับต้องย้ายออกจากพื้นที่  ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านมีหลักฐานและพิกัดแต่ละแปลง เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ได้ว่าชาวบ้านมีการทำกินมาก่อนจริง ขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในเรื่องนี้ด้วย

 



Share:

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19 มิถุนายน, 2567 04:51

    กรมป่าไม้ โดยสำนักจัดการที่ดินป่าไม้ ได้จัดทำโครงการจัดทำข้อมูลสภาพพื้นที่ป่าไม้
    ปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยคณะวนศาสตร์ พบว่าพื้นที่ป่าไม้ในปี พ.ศ. ๒๕๖๖
    ได้ลดลง จำนวน ๓.๑๗ แสนไร่ ทั้งนี้ สำนักจัดการที่ดินป่าไม้ ได้จำแนกพื้นที่ที่ลดลงในความรับผิดชอบกรมป่าไม้
    ที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบจำนวน ๖๓,๖๐๒ แปลง เนื้อที่ ๒.๔๒ แสนไร่
    ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดย ไม่มี พื้นที่ที่ได้ยื่นขออนุญาต /ได้รับอนุญาตตามโครงการจัดที่ดินทำกินตามนโยบาย​รัฐบาล​ ภายใต้คณะกรรมการ​นโยบาย​ที่ดินแห่ง​ชาติ (คทช.) แต่อย่างใด

    กรมป่าไม้ จึงให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๑ - ๑๓ และสำนักจัดการ
    ทรัพยากรป่าไม้สาขาทุกสาขา สั่งการหน่วยป้องกันรักษาป่า เร่งรัดการตรวจสอบข้อมูลเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่า
    รหัส S,M.L ตามแนวทางการตรวจสอบ จุดเปลี่ยนแปลงพื้ นที่ป่ในแอปพลิเคชันพิทักษ์ไพร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่หน่วย ทั้งนี้ การตรวจสอบพื้นที่ป่าเปลี่ยนแปลงตามโครงการฯ ดังกล่าว เป็นคนละภารกิจกับระบบพิทักษ์ไพร ซึ่งปฏิบัติอยู่เป็นปกติที่ใช้การค้นหาพื้นที่บุกรุกด้วยภาพถ่ายดาวเทียม

    ตอบลบ

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์