วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2567

เรื่องสุดหลอน จากอาจารย์นักพูด เจอผีสาว ในโรงแรมกลางเมืองลำปาง

 


        เรื่องราวของ อาจารย์เท่ นรพนธ์ ธรรมวิเศษศรี  นักพูด วิทยาการสอนพูด ที่ได้มาพักโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ลำปาง และพบกับเหตุการณ์สุดหลอน 

ขออนุญาตแวะมาแชร์ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมาครับ ประสบการณ์ตรงครับ ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดลำปาง

โดยครั้งนั้นผมไปลุยเดี่ยว ไม่รู้จักใครเลย เขาจ้างมาเราก็ไป บรรยากาศโรงแรมก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งครับ ทางทีมจัดงานก็ดูแลต้อนรับผมอย่างดี แม้แต่ห้องพักต่างๆก็จัดให้ผมพักห้องเดี่ยว นอนคนเดียว

ภารกิจในภาคกลางวันก็ผ่านไปอย่างราบรื่น พอถึงงานเลี้ยงกลางคืนก็แฮปปี้กันดี เอ็นเตอร์เทนให้แขกสนุกได้เต็มที่ และแล้วก็ถึงเวลาพักผ่อน ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะประมาณสี่-ห้าทุ่มที่งานเลิกผมก็แยกย้ายกันขึ้นห้องพัก ซึ่งผมเพิ่งได้มีโอกาสเข้าไป เพราะยังไม่ได้เช็คอินตอนมาถึง

ห้องหับดูโอเคทีเดียวครับ ใหญ่โตโอ่โถง แต่ประเด็นคือ "มันมีสองเตียง!!"

ผมก็ถามพนักงานว่า มีเตียงใหญ่เตียงเดียวไหมครับ น้องเขาก็บอกว่าห้องอื่นเต็มหมดเลย ยังย้ายมาให้ไม่ได้  ผมก็โอเคไม่ว่ากัน บอกไม่เป็นไรครับ พออยู่คนเดียว มันก็รู้สึกหวิวแปลกๆ ทั้งที่เคยไปค้างที่อื่นคนเดียวก็หลายครั้ง แต่ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ก็จัดแจงทำทุกอย่างที่เขาว่าให้ทำ เวลาไปนอนต่างที่ต่างถิ่น  ทั้งหมุนรองเท้าสลับข้าง ทั้งซื้อเตียง และที่สำคัญเอากระเป๋าและของทั้งหมดไปวางอีกเตียงให้มันเต็ม จะได้ไม่ว่างให้ใครมานอน !!

ใจตอนแรกอยากจะนอนริมหน้าต่างจะได้เห็นวิวสวย แต่คิดอีกที นอนติดผนังอุ่นใจกว่า เลยมานอนเตียงติดผนัง เสร็จสรรพจากเก็บของ ผมก็ดูทีวีกินขนมนมเนย  สักพักก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำอาบท่า ปกติดีครับ พอมานอนลงที่เตียงผมก็เปิดทีวีดู  ก็ปกติดีครับไม่มีอะไร

          พอผมดับไฟจนเหลือแค่ไฟหัวเตียง ก็ปรากฏเรื่องแปลกขึ้น ผมได้ยินเสียงบางอย่างดัง "อืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม"

ผมเข้าใจว่าเป็นเสียงจากสัญญานทีวีที่อาจจะมีปัญหา ก็ไม่ได้คิดไรมาก สักพักผมเริ่มจับต้นตอของเสียง จนรู้สึกว่ามันมาจากทางหน้าต่าง เสียงนั้นก็ยังดังต่อเนื่อง

 ผมก็เลยคิดในใจ "กูโดนเข้าแล้วไง"  แต่ยังใจดีสู้ผี คิดว่าคงคิดไปเอง เลยอธิษฐานว่า "ถ้าใช่อย่างที่ผมคิดจริงๆ ขอให้เสียงนี้เงียบไป" แปปเดียวเท่านั้น เสียงนี้ก็หายแวบไป โอ้แม่เจ้า น้ำตาจะไหลเลย

พอรู้ตัวว่าโดนแน่ก็คว้าพระที่ถอดไว้หัวเตียง พร้อมกับจะหยิบกระเป๋าสตางค์และมือถือ เตรียมลงไปที่ฟรอนต์ของโรงแรม แต่สายตาเจ้ากรรมดันแวบไปเห็นอะไรบางอย่าง...

....ภาพที่เห็นคือ ผมมองผ่านกระเป๋าและของ ที่วางบนเตียงอีกเตียงหนึ่งไปทางหน้าต่าง แต่ก่อนจะถึงหน้าต่าง  ผมเห็นหัวของผู้หญิงคนหนึ่งประมาณครึ่งหัว  แต่หันหน้าไปทางระเบียงไม่ได้หันมาทางผม เหมือนมีคนนั่งที่พื้นแล้วเอาหัวพิงเตียงครับ แล้วเสียง..อืมมมมมมม...ก็ดังขึ้นอีกรอบ

ผมทำเป็นไม่เห็น แล้วหันหน้าหนีมามองทีวี ใจอยากจะรีบโดดลงเตียงไปทันที แต่ขามันแข็งครับ ไปไม่ไหว เลยค่อยๆทำเป็นลงจากเตียง แต่ระหว่างกำลัง​เดินไปที่ประตู ผมได้ยินเสียงเท้าที่เหยียบพรมดังยวบอยู่ข้างหลัง ผมพยามรีบจ้ำอ้าวไปที่ประตู พอกำลังจะจับลูกบิด ไม่รู้ผมคิดไปเองไหม  มันมีเสียงฟู่และลมที่พัดมาจากหลังหูผม

คราวนี้แหละ น้ำตารื้น555 รีบเปิดประตูแล้วไปที่ฟรอนต์โดยไม่ใช้ลิฟต์ กลัวจ๊ะเอ๋กันในลิฟท์​อีก

ผมรีบขอเปลี่ยนห้อง แต่ไม่มีห้องว่าง เลยถามว่าห้องนี้มีอะไรรึเปล่า  เขาก็บอกไม่มีนะคะ ปกติดี

ผมถูกสอนมาว่า ถ้าโรงแรมไหนห้่องเต็มอย่าคะยั้นคะยอ เดี๋ยวจะเจอหนักกว่าเดิม เลยตัดสินใจ นั่งตาค้างอยู่ที่ลอบบี้นั่นแหละ....

..เช้ารุ่งขึ้นผมก็ไปขออาบน้ำที่ห้องพี่ทีมงานแล้วบอกว่าห้องน้ำผมเสีย แล้วรีบเก็บกระเป๋าลงไป...

หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ไปนอนที่โรงแรมแห่งนี้อีกเลย โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านนะครับ แฟนรายการทุกท่าน

จบ สวัสดี

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์