กุลธิดา
สืบหล้า...เรื่อง
สำหรับบ้านเรา
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยหากใครสักคนจะกินแมลง ตามตลาดเราเองก็ชินตากับเมนูจิ้งหรีด
หนอนไหม รถด่วน จิ้งกุ่ง แมงมัน หรือตั๊กแตน ซึ่งเป็นอาหารตามฤดูกาลที่หลายคนโปรดปรานและเฝ้ารอ
แต่สำหรับบางคน การกินแมลงเป็นเรื่องยากที่จะทำใจได้
ก็ในเมื่อมีเนื้อสัตว์อีกหลากหลายให้เลือกกินอยู่แล้ว
ทำไมจึงต้องหันมากินแมลงกันด้วยเล่า
มีการคำนวณว่า ในปี
พ.ศ. 2593 โลกจะมีประชากรมากถึง 7,200-9,600 ล้านคน ทำให้หลายฝ่ายฉุกคิดขึ้นมาว่า เนื้อสัตว์ที่ได้จากการทำปศุสัตว์นั้น
จะเพียงพอต่อความต้องการของประชากรจำนวนมหาศาลของโลกหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ
(FAO) จึงออกมาเรียกร้องให้คนทั่วโลกหันมากินแมลงกันมากขึ้น
โดยระบุว่า แมลงเป็นแหล่งอาหารไขมันต่ำ ขณะเดียวกันก็มีโปรตีนกับไฟเบอร์สูง
ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่จะบรรเทาความอดอยากหิวโหยทั่วทุกมุมโลก ที่สำคัญ
ยังยกตัวอย่างสุดยอดเมนูอย่างยำไข่มดแดงของไทยว่าเป็นหนึ่งในอาหารทรงคุณค่า
ที่อาจช่วยให้ประชากรโลกรอดพ้นจากการอดตาย ด้านองค์กรอนามัยโลก (WHO) ยังออกมายืนยันด้วยว่า ทุกวันนี้มีแมลงหลุดเข้าไปในปากเราพร้อมกับอาหารอยู่แล้ว
เราแค่มองไม่เห็นมันเท่านั้นเอง ?!?!
ในบรรดาสัตว์บนโลกของเรานั้น แมลงมีจำนวนมากที่สุด
โดยมีอย่างน้อย 5
ล้านชนิด ทั้งนี้ จำนวนแมลงที่กินได้แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนถึงละตินอเมริกาพบว่า
มีมากกว่า 1,900 ชนิดเลยทีเดียว แมลงทุกชนิดมี 6 ขา และมีโครงสร้างแข็ง หรืออาจเรียกว่ากระดูก ปกคลุมอยู่ภายนอกร่างกาย
โครงสร้างแข็งภายนอกนี้ ประกอบกันขึ้นเป็นเกราะป้องกันอวัยวะที่อ่อนนุ่มภายใน
จากข้อมูลของสถาบันวิจัยโภชนาการแห่งมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า
แมลงมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าที่เราคิด อย่างตั๊กแตนปาทังกาน้ำหนัก 100 กรัม มีโปรตีนถึง 27 กรัม และให้พลังงานมากถึง 150
กิโลแคลอรี ในขณะที่เนื้อหมู 100 กรัม
มีโปรตีนเพียง 18 กรัม นอกจากนี้ แมลงยังมีสารไคตินเช่นเดียวกับที่พบในเปลือกกุ้งและปู
ซึ่งช่วยลดระดับไขมันในเลือด (แต่ต้องไม่กินต่อเนื่องเป็นเวลานาน
เพราะอาจรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุในร่างกาย)
จะว่าไปแล้ว แมลงไม่ใช่อาหารราคาถูก
แมลงกินได้ส่วนใหญ่ราคาตั้งแต่กิโลกรัมละหลายร้อยจนถึงหลายพันบาทเลยทีเดียว
ช่วงฤดูแมงมันที่ผ่านมาหลายคนยังจำได้ว่า ราคาซื้อขายกิโลกรัมละ 1,000 กว่าบาท ถึงจะมีราคาแพงมาก แต่ก็ได้มาในปริมาณมากเช่นกัน และจากหลักโภชนาการที่ระบุไว้
ทำให้เราไม่จำเป็นต้องกินแมลงในปริมาณมาก
แต่ก็ได้สารอาหารตามที่ร่างกายต้องการเช่นกัน
นอกจากแมลงจะเป็นแหล่งโภชนาการชั้นเลิศแล้ว
ยังหมดกังวลเรื่องอันตรายจากฮอร์โมนและสารเร่งการเจริญเติบโตเหมือนเนื้อสัตว์ชนิดอื่นไปได้เลย
เพราะวงจรตั้งแต่ตัวอ่อนจนถึงตัวเต็มวัยนั้น ใช้ระยะเวลาสั้นมาก
แถมภาวะโลกร้อนยังทำให้การเจริญเติบโตและวงจรชีวิตของแมลงหลายสายพันธุ์เร็วขึ้นอีกด้วย
เรื่องยาฆ่าแมลงก็หายห่วง
สถาบันวิจัยโภชนาการแห่งมหาวิทยาลัยมหิดลระบุว่า
แมลงส่วนใหญ่ที่ขายกันอยู่นี้มักถูกซื้อมาในขณะที่ยังมีชีวิตเพื่อป้องกันการเน่าเสีย
แต่ที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นก็คือ การใช้น้ำมันเก่าในการทอดพวกมันนี่แหละ
ทุกวันนี้มีคนกว่า 2,000 ล้านคนในเอเชีย
แอฟริกา และละตินอเมริกา ที่กินแมลงเป็นอาหารอยู่แล้ว ส่วนบ้านเราไม่ต้องพูดถึง
เราคงนำหน้าชาติอื่น ๆ เรื่องการกินแมลงมาไกลโข
หากการกินแมลงคือทางออกของมวลมนุษยชาติ เราคงเห็นทางออกนั้นมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายก็ว่าได้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 988 ประจำวันที่ 25 - 31 กรกฎาคม 2557)