วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

มหาภัย จอกกิ่วลม



ารแพร่กระจายของจอกหูหนูเต็มพื้นที่เขื่อนกิ่วลม ไม่เพียงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อม การท่องเที่ยว และภูมิทัศน์ของเขื่อนเท่านั้น หากยังสะท้อนถึงวิธีจัดการบริหารวิกฤตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย หลายเดือนผ่านมาและอีกไม่รู้จะยาวนานเพียงใด จอกหูหนูเต็มผืนน้ำกว้างใหญ่ในเขื่อนที่ปกติไม่เคยมีปรากฎการณ์เช่นนี้ไม่ว่าแห่งไหน ก็อาจจะยังอยู่เป็นหลักฐานแห่งความไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานนับจากท้องถิ่นจนถึงระดับจังหวัด

เขื่อนกิ่วลม เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของลำปาง ที่เชิดหน้าชูตามานานหลายสิบปี แต่กลายเป็นว่ากุ้ยหลินลำปางแห่งนี้ ดูจะไร้การเหลียวแล พัฒนา แต่บุญเก่ายังมีจากชื่อเสียงที่สะสมมาช้านาน เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างถิ่นต่างรู้กันว่า หากอยากล่องแพ กินข้าว ชมวิวทิวทัศน์ ลงเล่นน้ำใสไหลเย็น มาที่กิ่วลมแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน แต่ปีนี้อาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะจอกหูหนูเขียวขจีเหมือนสนามหญ้าลอยอวดโชว์รอต้อนรับนักท่องเที่ยว สมกับเป็นปี แอ่วลำปาง...ม่วนแต๊หนา จริงๆ

การ แบ่งตัวอย่างเบิกบานของจอกหูหนูแล้วไหลตามกระแสน้ำมาเยือนยังเขื่อนกิ่วลม นั่นเป็นเพียงปลายทางของการฟ้องร้องและเรียกร้องความสนใจจากธรรมชาติ ว่าขณะนี้ธรรมชาติกำลังถูกทำร้ายจากอะไรบางอย่างที่จู่ๆก็ทำให้ในแหล่งน้ำมี สารอาหารมากพอที่จอกหูหนูจะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว แต่จนแล้วจนรอด ปัญหากองทัพจอกหูหนูบุกเขื่อนกิ่วลมที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานานเกือบ 1 ปี โดยที่การเยียวยารักษาแหล่งน้ำแห่งนี้ ยังทำได้เพียง ตักและโกยโดยเครื่องจักรเพียง 1 ลำ ที่ทำหน้าที่ตักและโกยไปกองบนฝั่งมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่าน กับจอกหูหนูจำนวนมหาศาลที่มีปริมาณมากถึง 200 ตันต่อวัน
 
อุต๊ะ....!! (อุทานแบบวัยรุ่น)
 
จอก จำนวนมากมายมหาศาลขนาดนี้ ตักจนตายคงจะฝันได้ว่าจะหมดสักวันหนึ่ง เพราะจอกมันลอยมาตามกระแสน้ำ ไม่ได้มาเพิ่มจำนวนแถวสันเขื่อน หรือกลางเขื่อน หรือแม้แต่การจำกัดบริเวณแล้วตักออกก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่าง ยั่งยืนในระยะยาวหรือไม่ เพราะลานนาโพสต์เกาะติดสถานการณ์จอกหูหนูวัชพืชน้ำเล็กๆที่ก่อให้เกิดปัญหา มาตั้งแต่ต้นปี จนปีนี้จะผ่านไปในเวลาอีกไม่นาน ที่ดูแนวโน้มแล้วสถานการณ์จะยากเกินเพียงแค่หน่วยงานเดียวจะดูแล หรือจะต้องรอให้ปัญหาบานปลาย ประจานตัวเองให้นักท่องเที่ยวเห็นให้พูดต่อๆกันไปให้โด่งดังทั่วประเทศถึงจะ ได้เวลาของบูรณาการแต่ละหน่วยงาน ร่วมแรงร่วมใจเพื่อแก้ปัญหาหรืออย่างไร
 
ปัญหานี้จะใหญ่เกินไปที่ชลประทานจะดูแลไหวหรือไม่ หรือชลประทานจะสามารถเอาจอกหูหนูอยู่หรือควรจะส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายยืนมือมาช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการแพ ชาวบ้านที่จับปลาเลี้ยงชีพ ที่ใช้ผืนน้ำแห่งนั้นเป็นแหล่งทำมาหากิน หน่วยงานราชการที่ดูแลต้นน้ำ หรือแม้แต่เกษตรกรที่ทำการเพราะ รวมไปถึงอุตสาหกรรม และที่ไม่ควรจะปล่อยให้ จอกหูหนู สร้างปัญหา ต่อไปอีกนั่นคือ จังหวัดต้องให้ความสนใจมากกว่าการปล่อยให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งดูแล
 
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่แต่ละฝ่ายควรจะยื่นมือเข้ามาช่วยกันกำจัดจอกหูหนู ที่มาบุกรุกกิ่วลมของคนลำปาง ให้กลับมาสวยเหมือนที่เคยเป็น ถึงเวลาหรือยังที่แต่ละควรจะร่วมกันพูดคุยหาทางแก้ไขที่ ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุด้วยการตักทิ้ง เพราะการเบ่งบานของวัชพืชน้ำเหล่านี้มีทฤษฎีรองรับอยู่ไม่กี่อย่าง เพราะพืชน้ำก็ไม่ต่างจากคน คนเติบโตได้เพราะกินอาหาร พืชน้ำก็เจริญพันธ์เพิ่มจำนวนได้เพราะมีสารอาหารให้กินอย่างอิ่มหนำ
 
แล้ว อะไรเป็นต้นกำเนิดเหตุ ดูจะเป็นคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ
 
หากผู้รู้ กูรู มาช่วยตอบทีเถิด ก่อนที่คุณภาพน้ำและระบบนิเวศจะเสียหายไปมากกว่านี้  จำ ได้ว่าเคยล่องแพช่วงหน้าหนาว อากาศเย็นๆ ชมวิวเพลินๆ มีอาหารอร่อย เคล้าเสียงเพลงเบาๆ การล่องแพ ณ ที่แห่งนี้ก็สร้างความสุขให้คนลำปางและคนต่างถิ่นมาเยือนได้ง่ายๆในราคาไม่ แพง แต่มาวันนี้เพียงแค่เห็นผิวน้ำที่เขียวขจีเหมือนผืนพรมที่หนานุ่มก็คิดหนัก ไม่กล้าแนะนำมิตรสหายให้มา 

จอกที่กิ่วลม ทำให้ลมหายใจของแร็ค ลานนา ติดๆขัดๆ ความรื่นรมย์แห่งชีวิตดำดิ่งลงสู่ใต้ผืนจอกหนาแน่นอย่างฉับพลัน


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 996 ประจำวันที่ 19 - 25 กันยายน 2557)
  
           


Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์